เรื่องระหว่างเส้น ตอน เมืองใหญ่รุกคืบเมืองเล็ก วิเคราะห์วิจารณ์แนวคิดเรื่อง “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” ทุนนิยมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เมืองใหญ่พัฒนา และรุกคืบเข้าชนบท ไฟฟ้า ประปาเข้าถึงชนบท จากเรื่องสั้นเรื่อง คนพันธุ์ ในหนังสือรวมเรื่องสั้น ฟ้าบ่กั้น ของลาว คำหอม และเรื่องสั้นเรื่อง โลกใบเล็กของซัลมาน ของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนทั้งสองท่านต่างก็ได้ใช้งานเขียนของตนเป็นกระบอกเสียงที่ต้านแนวคิดการพัฒนา และกระตุ้นเตือนสำนึกของคนในสังคมไม่ให้ตกอยู่ในความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเอารัดเอาเปรียบฟัง เจน สงสมพันธุ์ พี่ชายของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เคยก่อตั้งกลุ่มวรรณกรรม “สานแสงทอง” ร่วมกับคุณกนกพงศ์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของงานเขียนนี้และฝากข้อคิดกระตุ้นเตือนถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเอารัดเอาเปรียบ
เรื่องระหว่างเส้น ตอน ขี่ม้าก้านกล้วยเข้าเมืองใหญ่ จากหนังสือรวมกวีนิพนธ์ ม้าก้านกล้วย ของไพวรินทร์ ขาวงาม ที่ได้รับรางวัลซีไรต์เมื่อปี พ.ศ. 2538 เป็นเรื่องของคนที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อหาความมั่งคั่งในชีวิตในเมืองใหญ่ แต่ภายหลังได้ตระหนักถึงชีวิตที่ผิดพลาด ตลอดทั้งชวนให้เกิดความรู้สึกหวนคำนึง สำนึกรักบ้านเกิดและคิดถึงถิ่นลำเนาที่ต้องจากมา แม้จะล้มเหลวในการบรรลุตามความฝัน แต่เขาก็พบวิธีการปลอบประโลมใจในความทรงจำเกี่ยวกับบ้านเกิดและคนที่รักฟังคุณไพวรินทร์ ขาวงาม กวี นักเขียน เล่าที่มาและฝากแง่คิดมุมมอง ถึงผู้อ่านผู้ฟัง จากม้าก้านกล้วย กับสภาวะสังคมในปัจจุบัน
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “คนจีนโพ้นทะเลในวรรณกรรมไทย” เรื่องราวชาวไทยเชื้อสายจีน ส่วนมากบรรพบุรษจะมาจากซัวเถาในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ส่วนใหญ่พูดภาษาแต้จิ๋ว ในที่นี้มีนวนิยายไทยอย่างน้อย 3 เรื่องที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ จดหมายจากเมืองไทย ของโบตั๋น, อยู่กับก๋ง ของหยก บูรพา และลอดลายมังกร ของประภัสสร เสวิกุล ซึ่งทุกเล่มเล่าเรื่องราวของคนจีนโพ้นทะเล คนจีนเชื้อสายไทย และลูกหลานจีนที่กลายเป็นคนไทย แสดงทัศนคติของคนจีนที่มีต่อคนไทยอย่างมีชีวิตชีวา .นั่นเป็นภาพจําของคนจีนรุ่นก่อนที่หนีความยากจนจากเมืองจีนในสภาพเสื่อผืนหมอนใบ มาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยความขยันในไทย กลายเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่เรียนหนังสือไทย มีสํานึกถึงบุญคุณแผ่นดินไทยใต้พระบรมโพธิสมภาร.แต่ภาพจํานี้อาจกําลังเลือนหายไป เมื่อคนจีนระลอกใหม่ที่กําลังรุกคืบเข้ามายึดครองธุรกิจต่างๆ ในย่านสําคัญของกรุงเทพฯ เช่น ห้วยขวาง รัชดาภิเษก ไม่ได้ซึมซับวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมไทย แต่เข้ามาในคราบนักธุรกิจที่มาลงทุนในกิจการ เช่น อสังหาริมทรัพย์, การศึกษา .ผศ.ดร.นริศ วศินานนท์ ผอ.สถาบันขงจื่อการแพทย์แผนจีน ม.หัวเฉียวฯ พูดถึงทัศนะของคลื่นลูกใหม่ที่เป็นคนจีนในไทยปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างไปมาก.
เรื่องระหว่างเส้น ตอน ความรักและสัจจะในเจ้าจันท์ผมหอม เสนอเรื่องราวความรักที่ต้องเลือกระหว่างเหตุผลส่วนตัวกับเหตุผลทางการเมือง จากนวนิยายเรื่อง "เจ้าจันท์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน" นวนิยายรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี พ.ศ. 2534 ของมาลา คำจันทร์ นวนิยายที่เขียนเป็นนิราศและวรรณคดีเก่าแบบล้านนาเกี่ยวกับการเดินทางไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนของผู้หญิงคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จากจินตนาการของผู้เขียนเอง ซึ่งสุดท้ายแล้วการเดินทางนี้ได้นำไปสู่การค้นพบสัจธรรมของชีวิตฟัง มาลา คําจันทร์ หรือ เจริญ มาลาโรจน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจําปี พ.ศ. 2556 ผู้เขียนหนังสือ เจ้าจันท์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน ได้กล่าวถึงความประทับใจของการแต่งเรื่องนี้ไว้
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “มาลัยเสี่ยงรัก” นำเสนอพฤติกรรมการเลือกคู่ในสื่อวรรณคดี มาจนถึงการประกาศหาคู่ในคอลัมน์ “มาลัยเสี่ยงรัก” ในหน้าหนังสือพิมพ์ และพัฒนามาเป็นเกมโชว์รายการโทรทัศน์ เช่น take me out, รู้ไหมใครโสด ล่าสุดเป็นแอปพลิเคชันในชื่อต่าง ๆ ในวรรณคดีไทยหลายเรื่องมีเนื้อหาตอนเลือกคู่ เช่น รามเกียรติ์ พระรามเลือกคู่ได้นางสีดา , ปฐมสมโพธิกถา เจ้าชายสิทธัตถะเลือกคู่ได้นางพิมพายโสธรา, สังข์ทอง นางรจนาเสี่ยงมาลัยเลือกเจ้าเงาะ มีประเด็นสำคัญชี้ให้เห็นว่า การเลือกคู่ครองเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาทุกชนชั้น.ฟังมุมมองของ ป้าตุ๋ย อายุ 65 ปี เล่าประสบการณ์จริงของผู้ที่เคยใช้แอปพลิเคชันหาคู่เพื่อเป็นอุทาหรณ์
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “อูรังลาโว้ย เสียงเพรียกของคนชายขอบ” จากนวนิยายเรื่อง เสียงเพรียกจากท้องน้ำ ของประทีป ชุมพล เล่าถึงชาวอูรังลาโว้ย ซึ่งมีอาชีพหลักคือการจับสัตว์น้ำ จนมีชื่อที่ใช้เรียกทั่วไปว่า "ชาวเล" หรือ “ชาวน้ำ" นวนิยายเรื่องนี้เข้ารอบสุดท้ายของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนใน พ.ศ. 2546 แนวความคิดการนำเสนอชีวิตคนชายขอบอาจเชื่อมโยงได้กับสภาพที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบันอื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นทั้งปัญหาหรือโอกาสได้ด้วยฟัง คุณศักดา พรรณรังษี เคยเป็นอดีตคณะอนุกรรมการชาวเล บ้านน้าเค็ม จังหวัดพังงา พูดถึงชนกลุ่มน้อยในบริเวณภาคใต้ของประเทศในปัจจุบันดร.จิรัฏฐ์ เฉลิมแสนยากร นักเขียนเรื่องสั้น ความเรียง บทวิจารณ์วรรณกรรม พูดถึงวรรณกรรมไทยที่นําเสนอเรื่องราวชนกลุ่มน้อยในอีกมุมมอง*หมายเหตุ ผู้เขียน ใช้คําว่า อุรังลาโว้ย
คนเมืองอย่างพวกเราชินชากับเรื่องปัญหารถติด อาชญากรรม ความรุนแรง ความเห็นแก่ตัว การเอารัด เอาเปรียบ การแย่งกันกินแย่งกันใช้ เป็นอย่างนี้มานาน และทวีความเข้มข้นมากขึ้น เรื่องระหว่างเส้น ตอน ครอบครัวกลางถนน ความเจ็บป่วยของคนเมือง ตอนนี้จะชวนท่านผู้ฟังมาฟังเรื่องเล่าในหนังสือรวมเรื่องสั้น “ครอบครัวกลางถนน” ของศิลา โคมฉาย แล้วเราอาจจะขําตัวเองก็ได้ว่า นักเขียนได้สะท้อนปัญหาเหล่านี้มากว่า 30 ปี ทุกวันนี้ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ คนเมืองอย่างพวกเราช่างเป็นมนุษย์ผู้อดทนอย่างแข็งแกร่งจริงๆและมาฟังความคิดเห็นจาก แทนศร พรปัญญาภัทร นักพัฒนาเมือง ที่มุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการออกแบบเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบพื้นที่สาธารณะภายในเมือง
เรื่องระหว่างเส้น ตอน มอม: ความหายนะมาพร้อมกับสงคราม ขอนําเสนอเรื่อง มอม เป็นวรรณกรรมร้อยแก้วประเภทเรื่องสั้นผลงานชิ้นเอกของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ตีพิมพ์เผยแพร่มานานร่วม ๕๐ กว่าปี สันนิษฐานว่าน่าจะเขียนขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นอย่างน้อย แต่ก็เป็นที่นิยมของนักอ่านทุกรุ่นทุกวัย และยังเคยเป็นบทอ่านในหนังสือแบบเรียนวิชาภาษาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และได้รับการดัดแปลงเป็นละครเวทีโดย “ดรีมบอกซ์” และดัดแปลงอีกครั้งเป็นละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อปี 2560 อีกด้วย “มอม” นอกจากเสนอแนวคิดเรื่องความรัก ความซื่อสัตย์ที่สุนัขมีต่อเจ้านาย ที่ผู้อ่านเกิดความประทับใจแล้วเรื่องสั้นเรื่องนี้ยังเป็นบันทึกความทรงจําเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เสนอความคิดสําคัญคือ แม้มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ แต่มนุษย์มีสันดานโหดร้าย ไม่มีความเอื้ออาทรต่อกัน สามารถประหัตประหารต่อกันโดยไม่คํานึงถึงผลกระทบที่รุนแรง ต่างกับสุนัขซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานมันกลับมีหัวใจ สามารถรักมนุษย์ได้เท่ากับรักชีวิตของมัน
เรื่องระหว่างเส้น ตอน ประวัติศาสตร์ที่เล่าไม่ได้กับไม่ได้เล่า ขอนําเสนอการวิเคราะห์วรรณกรรมสัมพันธ์อย่างไรกับสังคมและการเมือง จากเรื่องสั้นเรื่อง “เรื่องเล่าจากหนองเตย” ซึ่งรวมอยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของวัชระ สัจจะสารสิน เรื่องสั้นซีไรต์ปี 2551 และนวนิยายชื่อแปลก “เดฟั่น” ของศิริวร แก้วกาญจน์ นวนิยายซีไรต์ปี 2564, “แลไปข้างหน้า” ของศรีบูรพา .วรรณกรรมการเมืองมักเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถเล่าได้ หรือไม่ก็เล่าเรื่องราวทางการเมืองที่สังคมลืมเลือนไป เช่น เล่าเหตุการณ์หลัง 6 ตุลาคมที่ถูกลบเลือนไป โดยผ่านสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน หรือเดฟั่น เล่าเรื่องความรุนแรงทางการเมืองสมัยจอมพลสฤษดิ์ เป็นต้น ฟัง วัชระ สัจจะสารสิน เป็นนามปากกาของ "วัชระ เพชรพรหมศร" ผู้เขียนเรื่องสั้น “เรื่องเล่าจากหนองเตย” ได้อธิบายว่า ต้องการบอกอะไรผู้อ่าน และศิริวร แก้วกาญจน์ จิตรกร กวี ผู้เขียนนิยายเรื่อง เดฟั่น มาอธิบายขยายความถึงเรื่องอะไรที่เล่าไม่ได้ที่บอกว่า “เดฟั่น เป็นมากกว่าประวัติศาสตร์บาดแผล มันเป็นประวัติศาสตร์บาดทะยัก มันปวดร้าว มันร้าวราน บ่มความปวดร้าวที่มากกว่าบาดแผล
เรื่องระหว่างเส้น ตอน หม้อที่ขูดไม่ออก เสนอแง่คิดเรื่องผู้หญิงถูกกดทับในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ ผ่านมุมมองผลงานเรื่องสั้น “หม้อที่ขูดไม่ออก” หนึ่งในหนังสือรวมเรื่องสั้น อัญมณีแห่งชีวิต ของ อัญชัญ ซึ่งได้รับรางวัลซีไรต์ พ.ศ.2533 ซึ่งสถานภาพผู้หญิงในสังคมตะวันออก สังคมที่เพศชายเป็นใหญ่มีอํานาจเหนือเพศหญิง ได้สร้างรอยแผลและความเจ็บช้ำให้กับเพศแม่ สะสมมาอย่างยาวนาน หม้อที่ขูดไม่ออก เรื่องสั้นที่ตอกย้ำสถานภาพแม่บ้านที่ถูกกดทับด้วยชายผู้เป็นสามี เปรียบเสมือนหม้อที่ขูดเขม่าก้นหม้อไม่ออก จะหย่าร้างก็ไม่ได้ ต้องทนอยู่ในสถาพเช่นนี้ด้วยความขมขื่นผศ.ดร.เสาวณิต จุลวงศ์ นักวิจารณ์และนักวิชาการด้านวรรณกรรมวิจารณ์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์การสะท้อนภาพความจริงของสถานะของผู้หญิงในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ ที่ตั้งคําถามเรื่องคุณค่าของความเป็นมนุษย์ความไม่เท่าเทียมกัน ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงความเหลื่อมล้าไม่เป็นธรรมทางสังคมหลากหลายแง่มุม
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารักสุดจะหักห้ามจิตคิดไฉนถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไปแต่เมาใจนี้ประจําทุกค่ำคืนฯ…หนึ่งในงานประพันธ์ของ “สุนทรภู่” ที่คนรู้จักอย่างกว้างขวางเรื่องระหว่างเส้น ตอนนี้จะพาไปฟังความยอดนิยมของสุนทรภู่ ซึ่งเป็นกวีเอกของไทย ผู้เป็นบุคคลสําคัญของโลกทางด้านวรรณกรรมที่องค์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 ในวาระครบรอบวันเกิด 200 ปีของท่าน นับเป็นชาวไทยคนที่ 5 และสามัญชนคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ ผลงานประพันธ์ของท่านซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลอนแปด มีหลากหลายประเภท ทั้งวรรณคดีนิทาน เช่นเรื่องพระอภัยมณี หรืองานนิราศ งานเขียนเชิงสารคดีที่บันทึกการเดินทางผ่านสถานที่จริง สอดแทรก คําสอนที่เข้าใจง่าย ไม่มีงานแสดงปรัชญาชั้นสูงแต่แฝงคติพุทธแบบชาวบ้าน ทำหน้าที่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์และสภาพสังคม วิถีชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆผศ. ดร.อภิลักษณ์ เกษมผลกูล รองประธานกองทุนอนุสรณ์สุนทรภู่ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยาและคติชนวิทยา จะมาเล่าให้ฟังว่า ทำไมผลงานของสุนทรภู่จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในยุคนั้นจนเปรียบเสมือนแบบเรียนให้กับคนในสังคมไทย กลอนแปดลีลาสุนทรภู่กลายเป็นมาตรฐานที่คนไทยรุ่นหลังยึดถือ และมีอิทธิพลอย่างมากต่องานวรรณกรรมมาจนถึงปัจจุบัน
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “กล้วยหายไปไหน” ชวนผู้ฟังมารู้จัก วัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนคนสําคัญของวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิต งานเขียนชิ้นหนึ่งคือ “กล้วยหาย” บทกวีชื่อแปลกแต่โดดเด่นด้านฉันทลักษณ์วิธีการเขียนด้วยกลอนสี่ใช้ลีลากลอนหัวเดียวแบบเพลงพื้นบ้าน เล่าเรื่องง่าย ๆ แต่หักมุมว่าคนที่ขโมยกล้วยคือคนจนที่ต้องขโมยกล้วยมาบดให้ลูกกิน ซึ่งผู้ร้ายที่แท้จริงคือความจนต่างหาก และอ่านนวนิยายเรื่อง “ตําบลช่อมะกอก” ที่แจ้งเกิดให้วัฒน์ เสนอแนวคิดเรื่องการต่อสู้เพื่อปากท้องของชาวนาชาวไร่ต่อนายทุน นวนิยายเรื่องนี้เป็นภาพจำลองเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2516 – 2519 อย่างไร คุณปาณิส โพธิ์ศรีวังชัย บรรณาธิการ The101.world และเคยทำงานที่กองบรรณาธิการนิตยสาร WRITER เคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณวัฒน์ วรรลยางกูร ตอนยังมีชีวิตอยู่ มาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ได้รู้จักกับคุณวัฒน์ ว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างไร
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “เรื่องซ้อนเรื่องในละครไทย” ชวนผู้ฟังมาสํารวจละครไทยบางเรื่องที่มีการอ้างอิงถึงวรรณคดีมีทั้งที่อ้างถึงแบบไม่ตั้งใจ และแบบตั้งใจหยิบยกมาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในละคร เมื่อเราสามารถคิดเชื่อมโยงละครเข้ากับวรรณคดี เราจะพบว่าบางบทบางตอนในวรรณคดีสําคัญบางเรื่องทําให้ละครมีความหมายลึกซึ้งมากขึ้นเช่น เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่ถูกหยิบมาอ้างอิงในละครปัจจุบันหลายเรื่องเช่น รากนครา, สุภาพบุรุษจุฑาเทพ แต่จะเป็นฉากไหนต้องลองฟังหรือละครฟอร์มใหญ่เรื่อง “จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี” ทางไทยพีบีเอส มีฉากที่อ้างอิงวรรณคดีหลายเรื่อง เช่นละครตอนที่ 7 ตัวละครชื่ออุบากอง เข้าโอบหลังสวมกอดนุชนาฏในร่างของแม่ปิ่นคนรัก แล้วท่องบทกลอนที่ตัดตอนจาก “เพลงยาวเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร” หรือเจ้าฟ้ากุ้ง มีเนื้อหาคร่าครวญถึงนางอันเป็นที่รักในทํานองนิราศ หรือ ฉาก “สีดาลุยไฟ” จุดเปลี่ยนผ่านสําคัญของตัวละครนําสองราย นั่นคือการเปลี่ยนผ่านจากจุดจบของ “ปิ่น” ในอดีต มาเป็นการเกิดใหม่ ฟื้นคืนสติของ “นุชนาฏ” ในปัจจุบัน นอกจากนั้น การรับบท “พระรามแผลงศร” ยังเปลี่ยนผ่าน “หม่องสะ” จากการเป็นศิลปินหนุ่มของราชสํานัก ไปสู่การเป็นนักการเมือง ก็เป็นฉากที่อ้างอิงจาก นาฏศิลป์ “รามเกียรติ์”
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “เรามองใคร ใครมองเรา” จากบทกวีชื่อ “ด่า” ของศักดิ์สิริ มีสมสืบ และเรื่องสั้น “ความตายในเดือนตุลาคม” ของไพฑูรย์ ธัญญา ทั้งสองเป็นกวี นักเขียนซีไรต์ และศิลปินแห่งชาติ วรรณกรรมสองเรื่องที่ร่วมสมัยกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ชวนให้ใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสาร การแสดงความคิดเห็นอย่างฉับพลัน ไม่มีการกลั่นกรองหรือไตร่ตรอง อาจจะตัดสินใคร วิจารณ์ใคร โดยไม่สนใจที่จะรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นั้น ๆฟัง อาจารย์เนาวรัตน์ พงษไพบูลย์ กวีซีไรต์ ปี 2523 ได้ให้แง่คิดไว้อย่างน่าสนใจ “เรื่องการอ่าน การเขียน ช่วยพัฒนาทางความคิดอย่างไร” และฟัง คุณศักดิ์สิริ มีสมสืบ กวีซีไรต์ ในปี 2535 เล่าถึงแรงบันดาลใจในการแต่งบทกวีชื่อ “ด่า” คุณไพฑูรย์ ธัญญา ผู้แต่งเรื่องสั้น “ความตายในเดือนตุลาคม” ได้ยกตัวอย่างของการนำเสนอข่าวของสื่อ
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “พระมหาชนก ทะเลแห่งปัญญา” ขอชวนผู้ฟังมาอ่านพระราชนิพนธ์เล่มสำคัญเรื่อง พระมหาชนก ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชนิพนธ์เล่มนี้ นอกจากจะแสดงให้ความสำคัญของความเพียรแล้ว ยังเสนอสารสำคัญเรื่อง “ปัญญา” ผ่านเนื้อเรื่องที่พระองค์ทรงดัดแปลงจากต้นฉบับเรื่อง “มหาชนกชาดก” แก่นเรื่อง “ความเพียร” ยังคงปรากฏชัดเจนในเหตุการณ์ตอนว่ายข้ามมหาสมุทร แต่เห็นได้ชัดเจนว่าการดัดแปลงเนื้อความในตอนท้ายนั้น ได้ช่วยสร้างความหมายใหม่แก่ชาดกเรื่องเดิมขึ้นประการหนึ่ง คือเพิ่มความคิดเรื่องความสำคัญของ “ปัญญา” ให้เชื่อมโยงเกื้อหนุนแก่นหลักของมหาชนกชาดกหนักแน่นขึ้นฟังหลวงตาอาทร วัดราชผาติการาม เล่าถึงแรงบันดาลพระราชหฤทัย ร.9 ที่พระองค์เสด็จพระราชดําเนิน ทรงสดับฟังพระธรรมเทศนา "มหาชนกชาดก" โดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) เจ้าอาวาสวัดรูปที่ 12 เมื่อ พ.ศ. 2520 แล้วเกิดความสนพระราชหฤทัยและทรงค้นเรื่องพระมหาชนกในพระไตรปิฎก ต่อมาจึงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถเป็นเรื่องพระมหาชนกด้วย
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “วันทองไม่ตาย” ขอชวนผู้ฟังมารู้จัก “วันทอง” ยุคศตวรรษที่ 21 ที่ลุกขึ้นมาประกาศ ว่า “วันทองไม่ใช่หญิงสองใจ” ละครเรื่อง “วันทอง” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไปเมื่อต้นปี 2564 ได้หยิบยกเอาวรรณคดีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของไทย คือ เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ละครโทรทัศน์เรื่องวันทอง ให้อรรถรสคนละอย่างกับการอ่านวรรณคดี วันทองไม่ใช่นางพิมพิลาไลย สาวน้อยผู้เป็นที่ต้องตาต้องใจชายสองคน แต่วันทองในยุคศตวรรษที่ 21 ผ่านการตีความใหม่ให้เป็นวีรสตรี พูดแทนใจผู้หญิงที่ถูกกดทับมานานและเป็นตัวแทนคนต่ำต้อยที่กล้าต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมผศ.ดร.จิราภรณ์ อัจฉริยะประสิทธิ์ อาจารย์ประจําสาขาวิชาภาษาไทย และรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้ที่ศึกษาบทบาทตัวละครเรื่อง “วันทอง" นี้ได้อธิบายเหตุผลการเปลี่ยนแปลงบทของละครไว้
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “วารีดุริยางค์ พุทธธรรมในกวีนิพนธ์ไทย” วารีดุริยางค์ เป็นผลงานของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์ ปี 2523 และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2536 กวีเสนอสารสำคัญว่าด้วยพุทธธรรม โดยชี้ให้เราตระหนักถึงสัจธรรมของชีวิต ปล่อยวางทุกสิ่งที่อยู่รอบกาย เพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ สงบและเยือกเย็น ดุจเช่นธรรมชาติที่งดงามไร้เครื่องปรุงแต่ง นอกจากซาบซึ้งในรสพระธรรมผ่านบทกวีนิพนธ์ ยังจะได้ฟังการบรรยายธรรม โดย พระมหาสมภพสมภโว ครูสอนปริยัติธรรม แผนกบาลี วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในหัวข้อว่าด้วย ธรรมชาติคือธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ และทำความเข้าใจคำว่า “โคจรของใจ” หรือปฏิจจสมุปบาท อันเป็นข้อธรรมะสำคัญเรื่องหนึ่งของทางพุทธศาสนา
เรื่องระหว่างเส้น ตอน “เส้นทางละครซีรีส์วาย” นำเสนอประเด็นทางสังคมวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และเพื่อทำความเข้าใจ ละครโทรทัศน์แนวหนึ่งที่เรียกกันว่า ละครซีรีส์วาย หรือละครแนวหนุ่มน้อยรักกัน ซึ่งปัจจุบันมีการสร้างละครซีรีส์วายปีละหลายสิบเรื่อง ละครซีรีส์วายมีที่มาอย่างไร "ครูโย" ดร.อภิรักษ์ ชัยปัญหา อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และนักเขียนบทละครโทรทัศน์ ผู้เขียนบทละครโทรทัศน์ จะเล่าให้ฟัง พร้อมทั้งจะชวนท่านผู้ฟังให้มองนอกกรอบจากเรื่องราวความรักของพระเอกกับนายเอก หรือชายรักชาย แล้วไปรู้จักละครซีรีส์วายแบบไทยๆ ที่กำลังเป็น "ธุรกิจบันเทิง" ไปแข่งขันในตลาดโลก
เรื่องระหว่างเส้น Ep.2 ตอน “45 ปีซีไรต์” ขอชวนผู้ฟังมารู้จักรางวัลวรรณกรรมที่มีอายุยาวนานรางวัลหนึ่งของเมืองไทย คือ รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือเรียกย่อว่า รางวัลซีไรต์ ซึ่งในปี พ.ศ.2566 นี้ รางวัลนี้จะมีอายุ 45 ปีรศ.ดร.ตรีศิลป์ บุญขจร อาจารย์ประจำภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นกรรมการในคณะกรรมการดำเนินงานซีไรต์ มาพูดถึง บทบาทสำคัญของรางวัลนี้ในวงการวรรณกรรมไทยและในประเทศสมาชิกอาเซียน และคุณโอม ณฐกร คงสถิตย์ ผู้เป็นนักอ่านและเคยเป็นคนทําร้านขายหนังสือ มาเล่าให้ฟัง ถึงรางวัลซีไรต์ช่วยสนับสนุนให้คนอ่านหนังสือ
ขอชวนผู้ฟังมาดื่มด่ำกับรสวรรณศิลป์ของบทกวี ที่เชื่อว่าจะกล่อมเกลาจิตใจของเราให้อ่อนโยน ซึ่งบทกวีที่สร้างความประทับใจ เสนอสารอันเข้มข้นว่าด้วยพลังของมนุษย์ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมและโลกของเราให้น่าอยู่ หนึ่งในนั้นคือบทกวีชื่อ “ขอบฟ้าขลิบทอง” ของอุชเชนีคุณศักดิ์สิริ มีสมสืบ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ประจำปี พ.ศ.2559, นักเขียนผู้ได้รับรางวัลซีไรต์ ในปี 2535 จากเรื่อง มือนั้นสีขาว อธิบายว่า กวีนิพนธ์สามารถที่จะนำพาให้ผู้อ่านดื่มด่ำกับเสียงและจังหวะอันไพเราะได้อย่างไร