ฉันชื่อเฮเลน อายุ 16 ปี และฉันเป็นนักเรียน ฉันชอบการเรียน ฉันมีเพื่อนมากมายที่โรงเรียนและฉันได้เดทกับแฟนที่ยอดเยี่ยมเป็นเวลาสองสามเดือน มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ นั่นก็คือพ่อแม่ของฉันฐานะไม่ค่อยดี พ่อเสียธุรกิจไปและเราไม่ค่อยมีเงิน พ่อมักจะพูดอยู่เสมอว่า พ่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่และทุกอย่างจะโอเคแต่ก็ต้องใช้เงินเยอะ มันช่างย้อนแย้งจริง ๆ เราแทบมีเงินไม่พอในการใช้ชีวิตและมันก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเราอย่างมาก พ่อกับแม่มักทะเลาะกันเรื่องนี้เสมอ พ่อหัวรั้นมากและในที่สุดแม่ก็ทนอีกต่อไปไม่ได้และในที่สุดแม่ก็หย่ากับพ่อ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายขึ้นเลย ปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เราแทบไม่มีเงิน และโดยที่ฉันไม่ได้คาดคิดมันก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของฉันเหมือนกัน --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ฉันชื่อนิโคล อายุ 17 ปี และฉันก็ต้องการคำแนะนำเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันควรทำ เพื่อให้แฟนฉันกลับมา หลังจากที่ฉันโกหกเขาแล้วเขารู้ความจริง ตอนที่พอลและฉันเริ่มออกเดทกันเมื่อหนึ่งปีก่อน ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่ใช่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขา ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับกระเพาะบิดตัวและเริ่มกระโดดไปมาในท้อง ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่า รักแรกพบ ยังไงก็ตามความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ฉันหมายถึงเราทะเลาะกันเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่ด้วยเหตุผลโง่ๆ อย่างเช่น เมื่อเขาแกล้งฉันเล่นและฉันก็ตีโพยตีพาย เพราะฉันไม่มีอารมณ์เล่นด้วย หรือเมื่อฉันสังเกตเห็นเขามองผู้หญิงอื่นและโกรธเขา อืม ก็นะ เหตุผลทั่วไปในการทะเลาะกันของคู่รักทุกคู่น่ะ ใช่ไหมล่ะ สิ่งสำคัญคือ เราก็มักจะคืนดีกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดี! ฉันชื่อโสรยา เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ฉันเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบอายุสิบห้าปีไป พ่อแม่และเพื่อน ๆ ของฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้วันนี้เป็นวันที่สุดพิเศษสำหรับฉัน ... แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ เพราะฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันร้องไห้ในห้องโดยที่ล็อกประตูจากด้านใน คุณอยากรู้มั้ยว่าทำไม? นั่นก็เพราะวันนี้ไม่ควรจะเป็นวันพิเศษแค่สำหรับฉันคนเดียว แต่มันควรเป็นวันพิเศษของพี่สาวฝาแฝดของฉันด้วย แต่ตอนนี้เธอได้เสียชีวิตไปแล้ว พี่สาวของฉันชื่อฟอเซีย ... โอ้..ฉันแทบรับไม่ได้กับการพูดถึงเธอในอดีตที่ผ่านมา ฟอเซียเสียชีวิตอย่างน่าสงสารเมื่อประมาณหกเดือนที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก! และฉันหวังว่าคุณคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ฉันคิดว่าคนที่มีพี่น้องฝาแฝดเหมือนฉันคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดี พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นยังไงกับการที่มีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างนับตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณลืมตาดูโลก หรือแม้กระทั่งก่อนที่คุณจะเกิดมา มันช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนวิเศษที่ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้แล้วในชีวิต! ฉันรู้ว่ามีบางคนที่อาจไม่ค่อยลงรอยกับพี่น้อง หรือแม้กระทั่งกับพี่น้องฝาแฝดของพวกเขาก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่กรณีของฉันกับฟอเซีย เราทั้งคู่มีความสุขด้วยกันมาก และคงไม่มีใครที่จะมีพี่สาวที่แสนดีเหมือนพี่สาวของฉันคนนี้ได้อีกแล้ว --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อสเตซี่ ฉันอายุ 15 ปี ตอนนี้ฉันเป็นคนขี้ระแวงและกลัวการออกนอกบ้าน เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ ฉันถูกจับเป็นตัวประกันตลอดทั้งวันและคิดว่าจะไม่ได้กลับบ้านซะแล้ว มันเริ่มต้นที่ความหลงใหลซึ่งไม่มีพิษภัย ฉันรักดนตรีและใช้เวลาส่วนมากในร้านดนตรีเพื่อฟังเพลงและซื้อแผ่นเสียงที่แตกต่างกัน ฉันสนุกมากๆ และไม่นานฉันก็ฟังครบทุกเพลงในร้าน ยกเว้นแผ่นเสียงที่แพงและหายากซึ่งฉันไม่มีเงินซื้อ ดังนั้นฉันจึงยืนอยู่ข้างๆ ชั้นวางและหยิบพวกมันขึ้นมาเพื่อพลิกดู และฝันหวานว่าสักวันจะได้เป็นเจ้าของพวกมัน วันหนึ่ง มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาหาและชื่นชมฉัน เธอบอกว่าฉันมีรสนิยมในการฟังเพลง ฉันจึงล้อเล่นกลับไปว่านอกจากจะมีรสนิยมยังมีเงินอันน้อยนิดด้วย พวกเราหัวเราะและเริ่มคุยกัน กลายเป็นว่าพวกเราชอบวงเดอะดอร์สและเพลงของวงนี้เหมือนกัน --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อบรี ฉันเดาว่า คนที่ดีเหล่านี้ที่กลายมาเป็นผู้ปกครองของ ฉัน บอกฉันทีว่ามันฟังดูแปลกใช่ไหม ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองชื่ออะไร พ่อและแม่คือใคร และแม้กระทั่งคุณเป็นใคร สิ่งแรกที่ฉันจำได้คือ กลิ่นของหญ้าในทุ่งที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันรู้สึกปวดหัวที่สุดในชีวิต หัวฉันต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ แต่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ฉันลุกขึ้นมานั่งและพยายามคิดว่า ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็คิดไม่ออก ฉันยืนขึ้นและตัดสินใจกลับบ้าน แต่จำไม่ได้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน เมื่อคิดต่อไปอีก ฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันไม่รู้ชื่อของตัวเอง ฉันเริ่มตื่นตระหนกและเริ่มวิ่งไปเรื่อยๆ มีบ้านบางหลังไม่ไกลจากที่ที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันไปที่นั่นแล้วเคาะประตูบ้านของคนแถวนั้นแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือ ในที่สุดก็มีหญิงชราคนหนึ่งอนุญาตให้ฉันเข้าไปในบ้าน แล้วบอกให้ฉันเล่าให้ฟังว่าฉันเป็นใครและเกิดอะไรขึ้นกับฉัน แต่ฉันจำชื่อและที่อยู่ของตัวเองไม่ได้ เธอดูสับสน ส่วนฉันรู้สึกหวาดกลัวและอับอายที่ร้องไห้ต่อหน้าเธอ หญิงชราพยายามปลอบฉัน และนำชาอุ่นมาให้ ดูเหมือนเวลาผ่านไป และหลังจากที่รถตำรวจหลายคันมาถึง, ไปโรงพยาบาล, ได้คุยกับหมอมากมาย และกลับไปพบกับครอบครัวใหม่ ฉันก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของฉัน --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ฉันชื่อไคลี่ อายุ 15 ปี ตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันถูกเรียกว่า “เด็กพิเศษ” มาตลอด ตอนเด็กฉันตระหนักว่า ฉันมองเห็นสิ่งที่เด็กคนอื่นมองเห็นแตกต่างออกไป ฉันกลัวทางม้าลายและบันได สีเหลืองและสีแดงทำให้ฉันตกใจ! ฉันมักจะเสียขวัญเสมอเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจร เด็กคนอื่นๆ คิดว่าฉันเป็นบ้าและแม้แต่พวกพ่อแม่ต่างก็บอกให้ลูกๆ ว่าให้อยู่ห่างๆ ฉัน แม่เป็นคนที่รักและสนับสนุนฉันอยู่เสมอมา ฉันรู้ว่าฉันต่างจากคนอื่น แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่า "ทำไม" หลังจากการหาข้อมูลทางการแพทย์และการพูดคุยนับครั้งไม่ถ้วนกับจิตแพทย์ ในที่สุดฉันก็ได้รู้จักชื่ออาการที่ฉันเป็น มันคือโรคจิตเภท แน่นอนว่าในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่ฉันก็เห็นว่ามันทำให้ทั้งพ่อและแม่ใจสลาย การวินิจฉัยโรคครั้งเนี่ยเปลี่ยนชีวิตฉันไปอย่างสิ้นเชิง ฉันต้องกินยาเยอะมากทุกวัน เหมือนกับฉันกลายเป็นผัก! แต่ดูเหมือนว่า หมอจะพอใจมากกับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกของฉัน --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ไง ทุกคน! ฉันชื่อเจนนีน อายุ 17 ปี ทั้งชีวิตของฉันมีคนๆ หนึ่งที่คอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอ คนที่ฉันรู้ว่าจะไม่มีวันทิ้งฉัน คนนั้นคือ แม่ของฉันเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ แม่ไล่ฉันออกจากบ้านของเราและนี่มันก็หนึ่งเดือนแล้วนับจากวันที่เราคุยกันครั้งสุดท้าย แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มงวดและชอบกุมอำนาจ และพ่อก็มักจะพยายามหนีจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เขาหาเงินเข้าบ้านและคิดว่าเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้ว มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วันหนึ่งครอบครัวของเราก็แตก เมื่อพ่อก็บอกว่าในที่สุดเขาได้เจอเนื้อคู่และทิ้งเราไป --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดี ฉันเคธี่ ตลอดเวลาฉันมักกลัวการทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวังเสมอและไม่นานมานี้ ฉันหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ โดยการ จ้างใครบางคนให้ปลอมมาเป็นแฟนของฉัน แต่เรื่องนี้กลับนำไปสู่หายนะยิ่งกว่าสิ่งที่ฉันพยายามที่จะหลีกเลี่ยงซะอีก ฉันพนันว่า คุณคงจะเดาออก ว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวอนุรักษ์นิยม สามีที่เป็นทนายกับภรรยาที่เป็นกุลสตรีผู้เพรียบพร้อม และมีลูกที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็ค เรียนดี เรียบร้อยไม่ต่อปากต่อคำ นั่นแหล่ะ ครอบครัวของฉันเป็นแบบนั้นเลย พ่อและแม่ของฉันมักจะเข้มงวดกับฉันเสมอ จนถึงขนาดไม่อนุญาตให้ฉันแต่งหน้าไปโรงเรียน และชายกระโปรงของฉันจะต้องไม่เลยขึ้นมาอยู่เหนือหัวเข่าโดยเด็ดขาด --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดี ฉันชื่อแอนนา มาเรีย อายุ 18 ปี ฉันอยากจะส่งคำทักทายจากแคลิฟอร์เนียไปยังที่ที่ฉันเกิดและเติบโตขึ้น และทุกๆ คนที่กำลังฟังฉันอยู่! ฉันเดาว่า พวกคุณส่วนใหญ่กำลังคิดถึงแคลิฟอร์เนียที่แตกต่างจากฉัน ก็นะ ฉันเป็นคนแม็กซิกัน เกิดในเมืองบาฮากาลิฟอร์เนียและอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ใกล้ชายแดนประเทศอเมริกา วันหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว พ่อแม่ของฉันเดินทางข้ามชายแดน..และฉันก็ไม่เคยเห็นพวกเขาอีกเลย --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดีทุกคน ฉันซาร่าห์ ตอนนี้ฉันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก ๆ ฉันอาจจะต้องสูญเสียลูกชายเนื่องจากการกระทำและไลฟ์สไตล์ของฉันเอง และที่แย่ที่สุดคือสิ่งที่ฉันทำทุกอย่างล้วนเพื่อเขา เพราะฉันรักเขามากยิ่งกว่าอะไรในโลกนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันได้พบกับชายที่ชื่อวิกเตอร์ เขาเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆพวกเราเดทกันระยะหนึ่งและทุกอย่างก็ไปอย่างราบรื่นดี แน่นอน ตอนนั้นเรายังอายุน้อย และหลงใหลซึ่งกันและกัน เราไม่ต้องการอะไรนอกจากการได้อยู่ด้วยกัน และเราก็มีความสุขมากจนตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน จากนั้นเรื่องแย่ ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ฉันต้องแบกรับงานบ้านทุกอย่างและฉันก็เหนื่อยตลอดเวลา ความรักที่ฉันมีให้กับแฟนหนุ่มก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ พวกเราทะเลาะกันบ่อยและไม่เคยทำความเข้าใจกันเลย มันเหมือนกับว่าเรากำลังพูดกันคนละภาษาอยู่! บอกตามตรง พวกเราพยายามอย่างมากเพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ จนถึงขนาดไปปรึกษากับจิตแพทย์ เพื่อพยายามทำความเข้าใจกับทุกสิ่ง แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราเข้าใจว่าต้องหาอะไรบางสิ่งมาประสานรอยร้าวนี้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะมีลูกกัน คุณอาจคิดว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีนักที่จะมีลูกในยามที่ครอบครัวกำลังระส่ำระสายแบบนี้ แต่ในเวลานั้นดูเหมือนมันจะเป็นทางออกที่ดีของพวกเรา และเรื่องมันก็กลายเป็นว่า ขณะที่ฉันกำลังท้อง วิกเตอร์ช่วยดูแลฉันและงานบ้านทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะต้องทั้งทำงานหนัก ต้องดูแลฉันที่กำลังท้อง แต่ความสัมพันธ์ของเรากลับดีขึ้นมาก แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องดูแลทารกมันเป็นอะไรที่ยากมากกว่าที่เราคิด หลังจากที่ฉันคลอดลูก ชีวิตก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ฉันใช้เวลาทั้งวันในการดูแลลูกสาวของเรา ในขณะที่วิกเตอร์ต้องทำงาน แต่ละวันฉันเหนื่อยแสนเหนื่อย และถึงตอนเย็นเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขากลับต้องการให้บ้านช่องสะอาดเรียบร้อยเสมอและมีอาหารเย็นอุ่น ๆ เสิร์ฟรอเขาอยู่บนโต๊ะ และกลางคืนฉันก็ต้องดูแลลูกทั้งคืน เพราะเขาเป็นเด็กที่หลับยากและตื่นขึ้นมาร้องไห้ตลอดเวลา วิกเตอร์ไม่ได้ช่วยอะไรฉันมากนัก และถ้าเขาทำ เขาก็ทำเหมือนแค่ต้องการเอาใจฉันเท่านั้น เขาเปลี่ยนไปมากจากแต่ก่อน บางทีนี่อาจเป็นนิสัยที่แท้จริงของเขาก็ได้ แบบผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่แม่บ้าน --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
เมื่อห้าปีที่แล้ว แม่ของผมแยกทางกับพ่อ ตอนนั้นผมอายุได้ราวๆสิบขวบ ผมร้องไห้ด้วยความขมขื่นใจอย่างมากและขอร้องให้เธอพาผมไปด้วย เธอเองก็ร้องไห้เช่นกัน แต่เธอยืนยันที่จะเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง ส่วนพ่อของผมไม่พูดอะไรและได้แต่กุมมือผมไว้แน่น ในตอนนั้นผมคิดว่า ในชีวิตนี้คงไม่เกลียดใครได้มากเท่าเขาอีกแล้ว เพราะเขาเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องจากไป – พ่อไม่เคยเข้าใจแม่เลย เขามักจะดุด่าเธอและตัดปีกแห่งอิสรภาพของเธอ ผมไม่ได้มโนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเธอเป็นคนบอกให้ผมฟังเอง และสุดท้าย เธอก็จากไปเพราะเธอต้องการเป็นตัวของตัวเอง ผมคิดว่าเธอคงจะออกไปเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต และคงมีการเดินทางที่เสี่ยงอันตราย แต่ผมก็ยังคงขอร้องให้เธอพาผมไปด้วยอยู่ดี แต่เธอกลับจากไป และทิ้งผมไว้ข้างหลัง --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดี ผมชื่อโนอาห์ อีกไม่นานผมก็จะอายุครบ 20 ปีแล้ว ไม่แก่มากหรอก แต่บางครั้งผมก็คิดว่า นี่มันนานกว่าร้อยปีแล้วมั้งตั้งแต่วันที่ผมอายุ 17 และมันไม่ใช่แค่ 2 ปี ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ผมต้องใช้ไม้เท้าเดินด้วย จริงๆ แล้ว มันรู้สึกเหมือนกับเกิดใหม่อีกครั้ง.. ก็นะ อย่างน้อยก็ต้องหัดเดินอีกครั้ง ตอนนั้นเองผมอายุ 17 ปีและเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ภายนอกผมเป็นคนธรรมดาๆ ไม่มีเพื่อนใหม่คนไหนของผมคิดหรอกว่า ครอบครัวของผมต่างจากครอบครัวส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกท่านแตกต่างมากๆ เพราะพ่อแม่ของผม... อืม และคิดว่าพวกท่านจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย พวกท่านเข้มงวดมาก เหมือนส่งตรงมาจากยุคกลางเลย และทั้ง 2 คลั่งไคล้ในเรื่องของศีลธรรมและบาปกรรมด้วย คุณคงเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อใช่ไหม --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ฉันชื่อมิเลนา ฉันมีคำถาม คุณเล่าเรื่องทุกอย่างให้ครอบครัวของคุณฟังมั้ย ก็แบบ พวกเขารู้เกี่ยวกับความทะเยอทะยาน ความต้องการและความเจ็บปวดของคุณรึเปล่า อืม ฉันเล่านะ ฉันเล่ารายละเอียดทุกอย่างในชีวิตของฉันให้พวกเขาฟังและมันก็ได้กลายเป็นคำสาปที่แย่ที่สุดที่ติดตัวฉัน สมาชิกในครอบครัวของฉันมียาย แม่และเอเลนาพี่สาวคนโต ใช่แล้ว ไม่มีผู้ชายในครอบครัวของเรา ยายของฉันหย่ากับตาตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด ยายเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่า ตาเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ วันหนึ่งยายจับได้ว่า ตาเป็นชู้กับคนข้างบ้านแล้วยายก็ไล่เขาออกไปจากชีวิต ฉันไม่เคยเห็นตาเลย ไม่แม้แต่ในรูปถ่ายเพราะยายฉีกรูปทุกใบและทิ้งของตาทั้งหมด --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ไง! ฉันชื่อลีแอนน์ ฉันอายุ 14 ปี และกำลังโกหกพ่อฉันเรื่องแม่ เพื่อช่วยแม่รักษาครอบครัวของเราเอาไว้ รื่องนี้ หรือควรจะบอกว่า สถานการณ์โดยรวมที่ไม่น่าประทับใจ เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ฉันอาศัยอยู่กับพ่อและแม่และน้องชายชื่อแมทธิว - เขาอายุแค่สองขวบ และก็เหมือนอย่างครอบครัวอื่นๆ บางครั้งพ่อแม่ฉันก็จะโต้เถียงกันด้วยเรื่องบางอย่าง หลังจากนั้นพวกเขาจึงจะกลับมาคืนดีกันเสมอและทำให้อะไรๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งทำให้ฉันแน่ใจเสมอมาว่านั่นเป็นเรื่องปกติ และเป็นแบบที่การแต่งงานควรจะเป็น แต่วันหนึ่งก็กลายเป็นว่าฉันเข้าใจผิดมหันต์ ในตอนที่ฉันได้ยินแม่ร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ตอนนั้นเป็นช่วงกลางวัน ฉันกำลังทำการบ้าน และแม่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำงานบ้าน ถึงตอนหนึ่ง แม่จึงบอกให้ฉันดูแลแมทธิวขณะที่แม่จะเอาเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้า หลังจากผ่านไป 10 นาที ฉันจึงรู้สึกตัวว่าแม่ยังไม่กลับมา ฉันก็เลยเรียกแม่ แต่แม่ไม่ตอบ ฉันจึงไปดูว่าแม่เป็นอะไรหรือเปล่า ฉันพบว่าแม่กำลังร้องไห้อยู่ตรงตะกร้าผ้า แม่บอกว่าแม่แค่เตะตะกร้าแรงจนนิ้วเท้าเจ็บมาก และเป็นเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลอาบหน้า แต่ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างที่ทำให้แม่โกรธเคืองเสียใจ เพื่อให้พวกคุณเข้าใจหน่อยนะ - แม่ฉันเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก และเวลาส่วนใหญ่แม่มักจะไม่แสดงอารมณ์มากนัก ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบ แม่ไม่เคยร้องไห้เวลาที่ แบบว่า ดูหนังเศร้า หรือเห็นข่าวที่น่าสะเทือนใจและคุณแน่ใจได้เลยว่าแม่จะต้องไม่อยู่ตรงนั้น และร้องไห้เพราะเจ็บนิ้วเท้า โอ แต่อีกอย่างหนึ่ง ฉันเดาว่าเพราะฉันเองก็ไม่ได้สนิทกับแม่มากนัก แม่บอกเสมอว่าฉันมีคนมากมายรอบข้างให้ผูกมิตรเป็นเพื่อนด้วย และแม่ก็แค่อยากเป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับความเคารพคนหนึ่ง เท่านั้นเอง รูปแบบของอุปนิสัยแม่ฉันนี้เป็นกุญแจของเรื่องที่คุณกำลังจะได้ฟังต่อไปนี้เลยแหละ อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนั้น หรือสักพักหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงบางอย่าง นั่นเป็นเสียงพ่อแม่ฉันพูดกันดังมาก และฟังจากบางคำที่ฉันพอจะได้ยิน ฉันจึงรู้ว่าแม่พบรอยลิปสติกบนเสื้อของพ่อ ขณะที่กำลังซักผ้า จากนั้นฉันจึงเข้าใจว่าทำไมวันก่อนหน้านั้นแม่ถึงร้องไห้ --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ไงทุกคน! ฉันชื่อแคสสิดี้ และฉันอายุ 15 ปี ฉันมีเพื่อนรักคนหนึ่งชื่อว่าแองเจล่า หมายถึง “เคยมี” น่ะ...เพราะเพิ่งไม่นานมานี้เองที่เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป พูดกันตรง ๆ นะ เป็นเธอต่างหากที่ทำทุกอย่างพัง และฉันก็คิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่อาจยกโทษให้เธอที่ทำลายครอบครัวของฉันได้จริง ๆ เดี๋ยวคุณจะได้รู้แล้วล่ะว่าฉันกำลังพูดเรื่องอะไร อย่างแรกเลย ไม่เพียงแต่ว่าแองเจล่ากับฉันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเท่านั้น แต่ครอบครัวของเราก็ยังสนิทกันมาก อย่างที่คุณรู้ เราไปฉลองวันหยุดเทศกาลด้วยกัน ย่างบาร์บีคิวกินกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ และอื่น ๆ แต่ไม่กี่ปีก่อนพ่อแม่ของแองเจล่าตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองอื่นเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ในหน้าที่การงานและชีวิตที่ดีขึ้น เราก็เลยถูกบังคับให้แยกจากกัน และตอนนั้นก็เศร้ามากเลย ถึงอย่างนั้นเราก็ยังส่งข้อความและโทรหากันตลอด ถึงเธอจะไม่ได้สนิทกับฉันเท่าที่เคยเป็นมาแล้วก็เถอะ แต่คืนหนึ่งเธอก็โทรมาหาฉัน ร้องไห้และบอกว่าพวกเธอพบว่าพ่อนอกใจแม่ และแม่ของเธอหลังรู้เรื่องก็เซ็นใบหย่าแล้ว ฉันได้แต่นึกภาพว่าแองเจล่าจะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ข่าวนี้ เราคุยโทรศัพท์กัน แบบ ตลอดคืนเลย และฉันก็อยากจะให้กำลังใจเธอจริง ๆ ฉันพยายามนึกถึงปฏิกิริยาของตัวเองถ้าวันหนึ่งพ่อแม่ของฉันตัดสินใจหย่ากัน และฉันคิดว่านั่นอาจเป็นเรื่องยากที่สุด และไม่ยุติธรรมที่สุดในโลกเลย แต่คุณไม่อาจเจอเรื่องดี ๆ ที่ไม่มีข้อเสียอยู่ในนั้นสักนิดเลย รู้ไหม และไม่นานหลังจากคืนที่เราคุยกันอย่างยาวนาน แองเจล่าก็โทรหาฉันเพื่อบอกว่าเธอกับแม่ตัดสินใจจะย้ายกลับมาที่เมืองของเรา มาสู่ชีวิตแบบเก่า โอ นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก หมายถึง แน่ละว่าไม่ใช่เรื่องดีที่พ่อแม่เธอไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกต่อไป แต่ฉันก็ดีใจอย่างมากที่จะได้เพื่อนรักของฉันกลับคืนมา ยิ่งกว่านั้น ในที่สุดเราก็จะได้เรียนด้วยกันแล้ว ในโรงเรียนเดียวกัน และนั่นก็เป็นอะไรที่เราวาดฝันกันมานาน ฉันหวังให้ฉันในตอนนั้นรู้จริง ๆ ว่าแองเจล่าไม่ใช่แองเจล่าคนที่เคยเป็นเพื่อนฉันคนนั้นอีกแล้ว --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ไง ฉันชื่อบาร์บาร่า และฉันอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ตอนนี้ เมื่อฉันคิดอะไร ๆ ได้ฉันก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องราวของฉันประหลาดมากแค่ไหน! เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับฉัน และซาบริน่า เพื่อนรักของฉัน ซึ่งกลายเป็น...อืม มาลองฟังดูละกัน ฉันพบกับซาบริน่าที่โรงเรียนเมื่อราวหนึ่งปีก่อน ฉันมีปัญหานิดหน่อยเรื่องการเรียนและเพื่อให้จำนวนแต้มในเกรดเฉลี่ยของตัวเองเพิ่มขึ้น ฉันจึงลงเรียนวิชาเลือกในวิชาจิตวิทยา พูดกันตรง ๆ นะ ฉันคิดว่าคนพวกเดียวที่จะเรียนจิตวิทยาในโรงเรียนจะต้องเป็นพวกแปลก ๆ และเด็กเนิร์ด แต่กลายเป็นว่าวิชานี้ไม่ได้แย่ขนาดนั้น – ก็มีคนแปลก ๆ และเด็กเนิร์ดจริง แต่อาจารย์ที่สอนน่าสนใจและยังตลกนิดหน่อยด้วย และฉันก็ได้พบเด็กผู้หญิงเจ๋ง ๆ คนหนึ่งในระหว่างชั้นเรียนครั้งที่สอง นั่นคือซาบริน่า อย่างที่คุณคงเดากันได้ ฉันไม่เคยเห็นซาบริน่าในโรงเรียนมาก่อน เธอเพิ่งมาเรียนที่นี่ได้ไม่นาน เพิ่งย้ายมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะย้ายบ้าน – บ้านของเธออยู่ไกลออกไป ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ย่านที่ดีนัก แต่เธอได้เกรดดีมากจนย้ายมาเรียนโรงเรียนเราได้ ในขณะเดียวกัน ซาบริน่าก็ไม่มีตรงไหนเหมือนพวกเด็กเนิร์ดเลย! เธอสงบนิ่ง เงียบขรึม และมีนิสัยที่ชอบยิ้มแบบไม่เห็นฟัน อืม พูดสั้น ๆ ก็คือ ฉันชอบซาบริน่าทันทีที่เห็น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันจึงไม่มีเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายเลย ซาบริน่าก็เลยได้ตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว และก็อย่างที่ฉันบอกไป เธออยู่ไกลจากโรงเรียนมาก และเพราะเธอต้องใช้เวลานานเหมือนชั่วชีวิตเลยแค่ให้มาถึงโรงเรียน ดังนั้นเธอก็เลยมักอยู่ค้างที่บ้านฉัน พ่อแม่ฉันไม่ได้ถือสาเลย! ก็นะ อย่างเวลาที่ฉันออกไปจากห้องนั่งเล่น ไปคุยโทรศัพท์ และทิ้งซาบริน่าดื่มชากับพ่อแม่ฉัน เธอไม่ได้มองฉันเพื่อขอร้องอย่างเงียบ ๆ ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอกับพ่อแม่ฉันด้วยซ้ำ – ดูเหมือนเธอจะสนุกสนานกับการคุยกับพวกเขาจริง ๆ และฉันก็ไม่เคยสนใจด้วยว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน...อืม บางทีตอนนั้นฉันควรจะสนใจนะ --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
สวัสดี ทุกคน ฉันชื่อเฮย์เลย์ ฉันอายุ 16 ปี ขอสารภาพว่าฉันได้ก่ออาชญากรรมและไม่ถูกจับได้ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกผิดเพราะที่ฉันทำไปก็เพื่อช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้ ฉันต้องแนะนำพี่สาวของฉันก่อน นี่คืออแมนดา เธออายุมากกว่าฉันหนึ่งปี คุณรู้มั้ย พี่สาวมักจะเป็นแบบอย่างให้น้องสาวของพวกเธอ พวกเธอช่วยงานที่บ้าน ช่วยเรื่องการบ้านและปัญหาส่วนตัว ในกรณีของฉัน ทุกอย่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อแมนดาเป็นบทเรียนเรื่องชีวิตแบบไหนที่ไม่เหมาะสม เพียงแค่อายุ 16 ปี เธอก็เริ่มออกไปเที่ยวกับผู้ชายที่มีอายุมากกว่า ไปงานปาร์ตี้ที่ไม่มีวันเลิกรา และหายไปจากบ้านสองสามวันในแต่ละครั้ง หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือนในชีวิตนี้เธอก็เปลี่ยนผู้ชายไปแล้วสองสามคน เริ่มสักลาย และพ่อแม่ของเราก็ไปรับเธอจากสถานีตำรวจสองครั้ง ชัดเจนเลยว่าเธอไปยุ่งเกี่ยวกับสังคมที่ไม่ดี และยอมตกเป็นทาสของมัน สิ่งที่แย่ที่สุดคือเธอไม่ยอมฟังใครเลย ทั้งพ่อแม่หรือครูของเธอ ดังนั้นฉันสังเกตว่าอแมนดาใช้ชีวิตอย่างไรและทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ฉันพยายามที่จะเป็นลูกสาวที่ดีเพื่อพ่อแม่ของฉันจะได้มีความสุข แต่มันก็เป็นเรื่องยาก แม่และพ่อของฉันพยายามที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของอแมนดา แต่ไม่นานพวกเขาก็ชินกับมัน และเลิกล้มความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเธอ ฉันคิดว่าอแมนดาทำให้พวกเขาสิ้นหวัง และพวกเขาแค่รอให้เธออายุ 18 ปี ดังนั้นพวกเขาจึงจะหมดความรับผิดชอบในการกระทำของเธอ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เธอกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าและบอกข่าวกับพวกเราซึ่งเกือบทำให้แม่ของฉันหัวใจวาย เธอเข้ามาในบ้านขณะที่เรากำลังทานมื้อเช้า เธอดูเหนื่อยมาก เห็นได้ชัดว่าการปาร์ตี้ตลอดทั้งคืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งแรกที่เธอพูดกับเราไม่ใช่ "สวัสดี" หรือ "เป็นไงบ้าง?" ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ เธอบอกเราว่าเธอกำลังตั้งท้อง บ้านถึงกับเงียบสนิทไปสองสามนาที ฉันเดาว่าเราทุกคนพยายามประมวลผลข้อมูลนี้ จากนั้นแม่ของฉันเริ่มหายใจอย่างหนักหน่วงและกุมหัวใจเธอไว้ พ่อต้องเข้าไปดูแลแม่ และฉันก็แค่นั่งอยู่ตรงนั้นและไม่รู้จะทำยังไง ในขณะเดียวกันพี่สาวของฉันก็ไปที่ห้องของเธออย่างเงียบ ๆ ขอบคุณพระเจ้าที่แม่โอเค แต่ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ มันเป็นข่าวร้ายมาก เราใช้เวลาสองสามวันในการต่อสู้และโต้เถียงกันเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำต่อไป พ่อแม่ของเราบอกว่า อแมนดายังไม่พร้อมที่จะมีลูก แต่เธอยืนยันว่าเธอรู้ดีว่าต้องทำยังไง แน่นอนพ่อแม่ของฉันไม่สามารถให้พี่สาวของฉันกำจัดลูกได้ ดังนั้นการตัดสินใจจึงเกิดขึ้น อแมนดากำลังจะมีลูก ฉันต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนว่าชีวิตพี่สาวของฉันอยู่ในกำมือของเธอเอง เธอรู้ว่าเธออาจจะทำร้ายเด็กได้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มเลิกนิสัยที่ไม่ดีทั้งหมดของเธอ มันยาก แต่พ่อแม่และฉันช่วยเธออยู่เสมอ เราหวังว่าการมีลูกจะเปลี่ยนชีวิตของเธอและเธอจะกลับมาหาครอบครัวอีกครั้ง ฉันยังสงสัยว่าใครเป็นพ่อและทำไมเขาถึงไม่มาพบอแมนดา แต่เธอไม่ต้องการพูดถึงเขา เห็นได้ชัดว่าเขากลัวการรับผิดชอบ และหนีหน้าไป อย่างไรก็ตามเก้าเดือนที่พี่สาวของฉันอุ้มท้องนั้นเป็นไปอย่างเงียบสงบและมีความสุขดี --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ไง! ชื่อของฉันคือแอนนี่ คุณรู้เรื่องการควบคุมของพ่อและแม่ไหม? อืม ฉันน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยล่ะ ฉันอยากเล่าให้พวกคุณฟังถึงช่วงปีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตฉัน ซึ่งฉันต้องใช้ชีวิตแบบเกือบจะเหมือนนักโทษจริงๆ เลย และพ่อแม่ของฉันก็เป็นเสมือน แบบว่า ผู้คุม ตอนนี้ฉันอายุ 17 ปีแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นในตอนที่ฉันยังอายุ 13 ปี และครอบครัวฉันอาศัยอยู่ในบ้านสวยๆ ที่มีสระว่ายน้ำและสวนหย่อม --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ผมไม่ใช่มหาเศรษฐีหรืออะไร และครอบครัวผมก็มีรายได้แบบปานกลางสุดๆ เพราะพ่อผมเป็นช่างไม้ และแม่ผมเป็นนักวาดภาพประกอบ ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้ยาก หมายถึง พ่อแม่ผมจ่ายเงินค่าเรียนมหาวิทยาลัยให้ผมได้ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ปีสองแล้วคุณอาจถามว่าแล้วผมเอาเงินซื้อแฟนมาจากไหน และผมจะบอกคุณนะ ตอนที่ผมอายุ 14 พ่อกับผมเข้าไปในเมืองเพื่อทำธุระ ผมเห็นรถยนต์ที่สวยมากๆ คันหนึ่ง นั่นคือรถแอสตัน มาร์ติน และยังเป็นโมเดลรุ่นเล่าสุด. แล้วพอผมได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจ ซึ่งผมคิดว่า นั่นคงหมายถึงเขาไม่อาจทำตามความฝันของตัวเองได้ ผมจึงตัดสินใจเลยว่าเมื่อผมโตขึ้น ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้พ่อแม่ของผมมีชีวิตที่ดีขึ้น --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ไง ทุกคน ฉันชื่อเฮลก้า อายุ 22 ปี และฉันจะเล่าเรื่องแมวของฉันที่ขื่อแกนดาฟให้ฟัง แกนดาฟไม่ได้เป็นแค่แมวธรรมดา ฉันรู้แน่ ๆ ว่ามันเป็นแมวที่ฉลาดมากและมีแม้แต่พลังเหนือธรรมชาติ...ไม่เชื่อใช่มั้ยล่ะ อืม คุณจะเชื่อต้องแน่! แมวของฉันหยุดฉันจากการทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ ฉันพบกับอีริค ไม่นานเขาก็ได้กลายเป็นแฟนของฉันและความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มจริงจัง เขาย้ายเข้ามาอยู่กับฉันที่อพาร์ทเม้นท์ที่ก่อนหน้านี้ฉันอยู่คนเดียว อืม ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก อยู่กับแกนดาฟน่ะ พ่อแม่ซื้ออพาร์ทเม้นท์นี้ให้ฉันและเพราะว่าฉันเป็นเจ้าของก็เคยคิดว่ามันสมเหตุสมผลมากถ้าฉันจะให้แฟนย้ายมาอยู่กับฉัน ฉันเชื่อใจอีริค แต่แมวของฉันเพราะอะไรสักอย่างกลับไม่เชื่อใจเขาเลย ในวันแรก เมื่ออีริคขนของมาที่อพาร์ทเม้นท์ แกนดาฟเดินอย่างเงียบ ๆ ไปที่ห้องโถงและนอนขวางหน้าเอริค เอริคมองฉันอย่างสงสัยและฉันก็พูดขำ ๆ ว่าแมวของฉันอยู่มาก่อนเขาเพราะงั้นเขาต้องเข้าให้ได้กับคนที่มาอยู่ก่อน แต่เมื่ออีริคพยายามก้าวเข้าบ้าน แกนดาฟก็ขู่และข่วนขาของเขาด้วยกรงเล็บของมัน สถานการณ์ทั้งหมดไม่ขำอีกต่อไป อีริคโชคดีที่เขาใส่กางเกงยีนส์หนา! แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแมวและแฟนของฉันเริ่มต้นได้แย่สุด ๆ --- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support