หลังจาก 2 อาณาจักรพุทธ-พราหมณ์ ที่ยิ่งใหญ่อย่างศรีวิชัย (ศตวรรษที่ 7–13) และมัชฌปาหิต (ศตวรรษที่ 13–15) เริ่มสูญเสียอำนาจ ในขณะที่เส้นทางการค้าเชื่อมโย งอาหรับ-เปอร์เซีย-เอเซียใต้-อ่าวเบงกอล-ทะเลจีนตอนใต้ กำลังพัฒนาถึงขีดสุด การเข้ามาของเส้นทางการค้า ก็มาพร้อมกับการเผยแพร่ศาสนาใหม่ ๆ ที่พร้อมจะผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่นดั้งเดิม (ผี พราหมณ์ พุทธ) .และนั่นทำให้ อาณาจักรอิสลามที่ยิ่งใหญ่บนดินแดนหมู่เกาะที่ปัจจุบันรู้จักกันในนาม "อินโดนีเซีย" มีรูปแบบการพัฒนาอิสลามในแบบ “คีโตปุลันกัน (Islam Nusantara)" ซึ่งผสานความเชื่อพื้นเมืองเข้ากับหลักการศาสนา ทำให้เกิดรูปแบบศาสนาที่ไม่ปะทะกับโครงสร้างสังคมเดิม และเป็นอัตลักษณ์สำคัญของมุสลิมแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
จุดจบของยุครณรัฐคือการสร้างมหาอาณาจักรขนาดใหญ่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฉิน กำแพงของรัฐฉิน จ้าว เฮี้ยน และฉี ถูกเชื่อมเข้าด้วยกันอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ฉิน สามารถรวมชาติได้สำเร็จ ติดตามในรายการเล่ารอบโลก
เรื่องราวของรัฐขนาดเล็กที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในฤดูใบไม้ผลิ และล่มสลายลงราวกับไม้ผลัดใบในฤดูใบไม่ร่วงจบลงในยุควสันตสารท ก่อนที่รัฐขนาดกลางและรัฐขนาดใหญ่ทั้ง 7 จะเริ่มสถาปนาอำนาจของตนได้สำเร็จทั้ง 7 รัฐได้แก่ รัฐฉู่ (楚)ทางตอนใต้ รัฐฉิน (秦)ทางตะวันตก รัฐเจ้า (赵)ทางเหนือ รัฐวุ่ย (魏) และรัฐหาน (韩)ทางตอนกลาง รัฐเอี้ยน (燕)ทางอีสาน และ รัฐฉี (齐)ที่ปากแม่น้ำฝั่งตะวันออกแน่นอนว่าในที่สุดทั้ง 7 รัฐนี้ก็จะรณรงค์สงครามกันอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นชื่อของยุคจ้านกว๋อ หรือยุครณรัฐ
ท่ามกลางมหาสงครามระหว่างแคว้นอู๋ และแคว้นเยว่ หนึ่งในสตรีที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในประวัติศาสตร์จีน “ไซซี” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นางได้ชื่อว่าสวยขนาดที่แม้แต่ฝูงปลาที่ได้เห็นความงามของเธอยังลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่การว่ายน้ำ จนปลายังจมน้ำตายแต่ไซซี มิใช่เพียงหนึ่งสาวงาม หากแต่ยังมีอีก 3 ซึ่งความงามของพวกเธอถูกผูกขึ้นเป็นคำกลอนที่ว่า“มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง”
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นพระราชินีผู้ประสานสองโลก โลกแห่งชีวิตชาวบ้านในชนบทและโลกแห่งการทูตระหว่างประเทศ ในโลกใบแรกพระองค์คือ ‘แม่ของแผ่นดิน’ ผู้ทรงสละพระวรกายและพระกำลังเพื่อยกระดับชีวิตราษฎร ทรงใช้พระบารมีแห่งความงดงามและพระเมตตา สร้างความมั่นคงให้กับชาติ และสร้างสะพานแห่งโอกาสให้แก่พสกนิกรของพระองค์ ในโลกใบหลัง พระองค์คือ ‘พระราชินีแห่งวัฒนธรรมและสันติภาพ’ ผู้ทรงนำพาอัตลักษณ์ของไทยให้เป็นที่ประจักษ์อย่างสง่างาม และทรงใช้ความสง่างามนั้นเป็นสะพานแห่งมิตรภาพระหว่างประชาชาติพระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่สตรีไทยและสตรีทั่วโลกว่า ความงดงามที่แท้จริงมิได้อยู่เพียงรูปกาย หากอยู่ที่จิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา วิสัยทัศน์ และความเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นดั่ง ‘แสงแห่งศิลปะ สันติภาพ และศักดิ์ศรี’ ที่จะส่องสว่างบนเวทีโลกตลอดกาล
สงครามระหว่างแคว้นต่าง ๆ ที่ต่างก็ต้องการช่วงชิงความเป็นใหญ่ ณ ที่ราบจงหยวน ทำให้แว่นแคว้นต่าง ๆ ทั้งต้องร่วมมือ และทรยศหักหลัง ทั้งเกิดขึ้น เป็นใหญ่ และล่มสลาย ยุทธวิธี กลวิธี ยุทธศาสตร์สงครามทุกวิถี ถูกงัดออกมาใช้ในมหาสงครามครั้งนี้
แผ่นดินจงหยวนแห่งราชวงศ์โจวเป็นทุรยศ ราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ล่มสลาย แต่ก็พยายามฟื้นตัวตนขึ้นมาใหม่ในฐานะ ราชวงศ์โจวตะวันออก หากแต่อำนาจไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม อ๋องแห่งแคว้นต่าง ๆ เริ่มตั้งตนเป็นใหญ่ อาศัยเพียงการยอมรับจากราชวงศ์โจวตะวันออก เพื่อขยายเขตอิทธิพลของตน ด้วยหวังจะยึดครอง แผ่นดินจงหยวนอันอุดมสมบูรณ์ มหาสงครามที่แต่ละแคว้นทะยานขึ้นมาและร่วงโรยลงไปดุจฤดูใบไม้ผลิและใบไม่ร่วง หรือ ยุคชุนชิว ก็ถือกำเนิด
หนึ่งในยุคที่ถูกอ้างอิงบ่อยครั้งที่สุดใน ยุทธพิชัยสงครามสามก๊ก หรือ ยุคเลียดก๊ก ยุคที่แผ่นดินจีนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ มีรัฐใหม่เกิดขึ้นแล้วก็ดับสูญไป เหมือนฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง หรือ ยุคชุนชิว-วสันตสารทนวนิยายเลียดก๊ก คือบันทึกแห่งความขัดแย้งในคราวนั้นบนแผ่นดินจงหยวน ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ระหว่างแม่น้ำหวงเหอและแยงซีเกียง
ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ใช่ด้วยเหตุบังเอิญ หากแต่เป็นเพราะการทำงานอย่างหนักจนถึงเสียสละชีพของ “ขบวนการเสรีไทย”เสรีไทยประกอบขึ้นด้วยหลายกลุ่มบุคคล แต่คนที่จะเห็นภาพรวมทั้งหมดของปฏิบัติการแห่งจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้ คือ “รู้ธ” หัวหน้าเสรีไทยในสยาม หรือท่านอาจารย์ ปรีดี พนมยงค์ นั่นเอง
“ผู้ใดมีอิทธิพลเหนือมหาสมุทร ผู้นั้นย่อมครองโลก” คือแนวคิดหลักของทฤษฎี “สมุททานุภาพ” (Sea Power) ซึ่งทรงอิทธิพลอย่างมากตั้งแต่ยุคจักรวรรดินิยม แม้กระทั่งในปัจจุบันนี้บรรดาชาติมหาอำนาจยังคงพยายามแผ่แสนยานุภาพทางการทหาร เพื่อเสริมสร้างอำนาจทางทะเลของตน.การแผ่ขยายอำนาจทางท้องทะเลของจีนสร้างแรงกดดันและความหวาดกลัวต่อมหาอำนาจเก่าอย่างสหรัฐอเมริกา และชาติพันธมิตร พวกเขาพยายามสกัดกั้นและปิดล้อมจีนผ่านยุทธศาสตร์ต่าง ๆ จากพื้นมหาสมุทรสู่ห้วงอวกาศ.จนนำมาสู่ความขัดแย้งที่หลายครั้งก็มีไทยอยู่ในสมการนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นข้อถกเถียงเรื่อง “คอคอดกระ” ที่มีมาช้านาน ความขัดแย้งของประเทศอาเซียนในทะเลจีนใต้ ไปจนถึงข้อพิพาทในพื้นที่ทับซ้อนไทยกับกัมพูชาที่ทำให้ทั้ง 2 ชาติระดมสรรพกำลังเข้าประหัตประหารกันAmidst the Global Sea Power ไทยในสมรภูมิมหาสมุทรโลก ไม่เพียงฉายให้เห็นภาพการขยายอำนาจของจีนและสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรโลกเท่านั้น แต่ยังฉายให้เห็นปัญหาต่าง ๆ ที่ไทยต้องเผชิญ และหนทางที่จะอยู่รอดท่ามกลางมรสุมมหาสมุทรที่กำลังถาโถมเข้ามา
กิมหงวนที่ว่ารวยมหาศาลรวยแค่ไหน ? ดร.ดิเรก ที่ชอบเล่าเรื่องมหาราชา เคยพา พล นิกร กิมหงวน ไปเที่ยวอินเดียไหม ? และที่สำคัญที่สุดถ้าอยากอ่าน สามเกลอ สี่สหาย ใน พ.ศ. นี้ จะไปหาอ่านได้จากไหน
เคยทราบกันหรือไม่ว่า คุณ ป.อินทรปาลิต ได้รับค่าลิขสิทธิ์จากการเขียนสามเกลอเป็นเงินเท่าไร? รู้หรือไม่ Series สงครามชิงแดน มีทั้งหมด 16 ตอน และมีจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องสามเกลอเป็นเล่มสุดท้ายในชื่อ บ้านใหม่
ทำไมแม้เวลาจะผ่านไปกว่าครึ่งทศวรรษ แต่พล นิกร กิมหงวน ก็ยังคงเป็น 1 ในหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน และที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ เพราะอะไร สไตล์การเล่าเรื่องของ ป.อินทรปาลิต ถึงยังร่วมสมัย อ่านได้ ไม่มีเชยอ่อ... คำว่า เชย ที่แปลว่า เชย ก็เกิดขึ้นจากนักเขียนท่านนี้ด้วย
เพื่อขยายเพดานความเป็นไปได้ของการผจญภัยในหัสนิยายชุดพิเศษนี้ ป.อินทรปาลิต แนะนำตัวละครเพิ่มขึ้นอีก 1 ตัวในตอนที่ 30 ของ Series ในชื่อตอนที่ว่า “อ้ายดำปรอท” หนุ่มหัวนอก นายแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ดร.ดิเรก ณรงค์ฤทธิ์ เข้ามาเป็นสมาชิกของคณะพรรค และนี่คือตัวละครที่ผมรักมากที่สุดในหัสนิยายชุดนี้
หลังจากที่พลและนิกร วาดลวดลาย playboy หนุ่มที่ฉาบหน้าด้วยความเขินเปิ่นไปแล้วในตอน "อายผู้หญิง" ป.อินทราปาลิต ก็ตัดสินใจขยายเพดานความสนุกของหัสนิยายชุดนี้โดยการแนะนำตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่องอีก 2 คน นั่นคือ พระยาปัจจนึกพินาศ เจ้าคุณพานทอง ศีรษะล้าน ขี้น้อยใจ และ กิมหงวน ไทยแท้ มหาเศรษฐีหนุ่มผู้บ้าบิ่นขนาดจุดไฟเผาธนบัตรใบละ 100 บาทเพื่อให้มีแสงสว่างเพียงพอในการก้มหาเศษเหรียญที่ตกใต้โต๊ะ ความฮายกกำลังจากสองสหายกลายเป็น "สามเกลอ พล นิกร กิมหงวน" เริ่มขึ้นในเล่มที่ 3 "หวงลูกสาว"
10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482 คือวันที่ในหนังสือนิยาย "อายผู้หญิง" ที่นักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อีกคนหนึ่งของไทย นั่นคือ ป. อินทรปาลิต เริ่มต้นความมหัศจรรย์ของหัสนิยายของเขาโดยการแนะนำตัวละครสองเกลอ พล พัชราภรณ์ และนิกร การุณวงศ์ "สองเกลอ" ที่ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะโลดแล่นอยู่ในบรรณพิภพต่อเนื่องไปอีกเกือบ 30 ปี และมีการผจญภัยของพวกเขาและผองเพื่อน "สามเกลอ" "สี่สหาย" ต่อเนื่องมาอีกมากกว่า 1,000 ตอน บันทึกประวัติศาสตร์ของไทยแทบจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์ จนได้รับเกียรติให้เป็น 1 ใน 100 หนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน และผมเองก็อ่านหัสนิยายชุดนี้ตั้งแต่ ป.3 จนถึงวันนี้
ในโอกาสที่ปี ค.ศ.2025 นี้ประชาคมอาเซียนครบรอบ 58 ปี และปี 2026 ก็จะรับสมาชิกใหม่ คือ ประเทศ ติมอร์-เลสเต เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องคือการประกาศวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 เพื่อเป็นการกำหนดเป้าหมายระยะยาวให้อาเซียนเป็นประชาคมที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน มีนวัตกรรม ขับเคลื่อนได้อย่างคล่องแคล่ว มีประชาชนเป็นจุดศูนย์กลางและเพื่อการวางแผนระยะยาว โดยที่ยุคนี้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในทุกแง่มุมของชีวิต ASEAN Foundation และ Google.org จึงได้จัดทำหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับการเรียนรู้ AI ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่ความรู้เบื้องต้น ไปจนถึงการใช้งาน AI ในชีวิตประจำวัน การสร้างสรรค์เนื้อหา การทำงาน การพัฒนาอาชีพในโลกดิจิทัล การเป็นครูผู้สอนที่เข้าใจโลกยุคใหม่ หรือการเตรียมพร้อมให้ลูกหลานเติบโตอย่างมั่นใจในยุค AI ไปจนถึงประเด็นด้านจริยธรรม และความรับผิดชอบหลักสูตร "AI Class ASEAN" คือโอกาสสำคัญสำหรับทุกคนในอาเซียนที่จะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้อย่างแท้จริง ออกแบบหลักสูตรให้เข้าถึงง่าย สนุก เหมาะกับเด็ก เยาวชน ครู อาจารย์ และผู้ปกครอง ไม่ว่าจะไม่มีพื้นฐานมาก่อน หรือต้องการต่อยอดความรู้เดิม และยังเป็นหลักสูตรออนไลน์ที่ยืดหยุ่น สามารถเรียนได้ตามความสะดวกของทุกคน
อาเซียนเกิดขึ้นเพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงสงครามเย็น และมันก็ยังคงทำหน้าที่นั้นได้อย่างดียิ่งในวันที่สมาชิกหนึ่ง รุกรานเข้าสู่สมาชิกหนึ่ง แต่เท่านั้นยังไม่พอ ในวันที่ภูมิภาคอื่นเริ่มถดถอยในการบูรณาการความสัมพันธ์ อาเซียนกลับเดินหน้าและขยายจำนวนสมาชิก และในขณะเดียวกันก็ประกาศวิสัยทัศน์ 2045
ประเทศไทยสถาปนา “มณฑลบูรพา” ขึ้นมาใหม่ โดยมี 3 จังหวัด คือ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดนครจำปาศักดิ์ และจังหวัดพิบูลสงคราม ในสงครามคราวนี้ นอกจากคุณเทียด (พ่อของคุณทวด) ของผมจะได้บินเครื่องบินไปถล่มสนามบินฝรั่งเศสใกล้นครวัด และใกล้กรุงพนมเปญแล้ว เทียดของผมยังได้รับเกียรติไปปรากฎตัวอยู่ในสุดยอดนวนิยาย พล นิกร กิมหงวน อีกด้วย
มาเรียนรู้กันต่อว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สถานการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง จนในที่สุดทำให้ทหารไทยต้องออกไปรบในดินแดนของต่างประเทศอีกครั้ง จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีอินโดจีนเกิดขึ้นได้อย่างไร หาคำตอบได้ใน episode นี้