Discover4 คลังพระสูตร
Claim Ownership
4 คลังพระสูตร
Author: ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
Subscribed: 148Played: 1,198Subscribe
Share
© 2024 panya.org
Description
ดื่มด่ำ ซึมซาม ด้วยการฟังบทพยัญชนะที่มีความงดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด เป็นข้อมูลโดยตรงจากพระสูตรในพระไตรปิฏก เพื่อให้มีการตกผลึกความคิด เกิดเป็นความคลองปากขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็นได้. New Episode ทุกวันพฤหัส เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
331 Episodes
Reverse
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุ ขณะประทับอยู่ที่เทวทหะนิคม ทรงปรารภหลักคำสอนของพวกนิครนถ์ในเรื่องกรรมเก่า และการสิ้นกรรม ซึ่งพวกนิครนถ์เชื่อว่า กรรมเก่าให้ผลแน่นอนไม่มีข้อยกเว้น การหมดทุกข์จะมีได้ด้วยการบำเพ็ญเพียรอย่างแรงกล้า และการไม่ทำกรรมใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และทรงแสดงความเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม และผลแห่งความเพียร ตามหลักคำสอนในศาสนาพุทธ โดยทรงยกอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบไว้ 3 อย่าง คือ บุรุษถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ ขายหนุ่มหลงรักหญิงสาว และช่างศรดัดลูกศรที่คดงอให้ตรง ที่เมื่อใคร่ครวญแล้วจะทำให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาในพระสูตรนี้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
เป็นตอนจบของพระสูตรนี้ เป็นตอนที่ปาฏิกบุตร หลอกลวงประชาชน ในลักษณะที่โอ้อวดว่าสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ได้มากกว่าพระพุทธเจ้าเป็นทวีคูณ แต่พอจะให้เกิดการพิสูจน์ ก็ไม่สามารถที่จะทำความชัดแจ้ง ให้ถึงการตรวจสอบที่ถูกต้องได้ ท่านเปรียบเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่เห็นราชสีห์มีความสามารถ มีกำลัง มีการคำราม ตัวเองก็เอาอย่างบ้าง แต่ก็ไม่สามารถคำรามให้เสียงเป็นเหมือนอย่างราชสีห์ได้เนื้อหาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ เรื่องกำเนิดของโลก ที่ไม่ได้เกิดจากพรหม หรือพระพุทธเจ้าเป็นผู้สร้างโลก ที่ถ้ามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว จะไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้น ๆ รู้ถึงความดับ และไม่ดำเนินไปสู่ความเสื่อมได้นั่นเอง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
พระสูตรว่าด้วยนักบวชเปลือยชื่อปาฏิกบุตร ซึ่งเป็นนักบวชเปลือย 1 ใน 3 คน ที่ปรากฏในพระสูตรนี้ เป็นเรื่องราวที่พระผู้มีพระภาคทรงปรารถแก่ ภัคควโคตรปริพาชก ได้กราบทูลถามเรื่อง เจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตรลาสิกขา จึงทรงเล่าสาเหตุที่ เจ้าสุนักขัตตะ ลาสิกขาโดยอ้างเหตุผล 2 ประการ คือ (1) ไม่ทรงแสดงปาฏิหาริย์ให้ดู (2) ไม่ทรงประกาศทฤษฎีว่าด้วยต้นกำเนิดของโลก ซึ่งในตอนท้ายของพระสูตรได้ทรงตรัสเล่าเรื่องทฤษฏีว่าด้วยต้นกำเนิดของโลกในตอนนี้ เป็นตอนที่พระพุทธเจ้า ตรัสเล่าย้อน ตอนที่อบรมภิกษุสุนักขัตตะ ที่ไปเคารพนักบวชเปลือย 3 คน โดยปรารภว่าในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์นั้น ทรงแสดงให้เจ้าสุนักขัตตะ ขณะนั้นยังเป็นภิกษุทำหน้าที่อุปัฏฐากพระองค์ ดูถึง 3 ครั้ง และเจ้าสุนักขัตตะก็ยอมรับว่าทรงแสดงแล้ว แต่ก็ยังมีความคิดผิดเพี้ยนไป Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
อัคคัญญสูตร ทรงแสดงแก่สามเณรชื่อ วาเสฏฐะและภารทวาชะ ทรงชี้แจงให้เข้าใจถึงความเป็นมาของวรรณะ 4 ที่พวกพราหมณ์เข้าใจเรื่องระบบวรรณะผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป ไม่รู้เรื่องความเป็นมาของวรรณะตามความเป็นจริง และทรงแสดงการกำเนิดหรือวิวัฒนาการของโลก ตั้งแต่ตอนต้นแห่งวิวัฏฏกัปที่โลกก่อตัวขึ้นใหม่ จนมีมนุษย์เกิดขึ้นและวิวัฒนาการของระบบสังคม เศรษฐกิจและการเมืองไว้อย่างน่าสนใจ และทรงสรุปเน้นย้ำในเรื่อง การประพฤติสุจริต ตรัสสอนให้เจริญโพธิปักขิยธรรม เป็นธรรมที่จะให้เกิดการบรรลุธรรม และหลุดพ้นได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
มหานิทานสูตร ว่าด้วยสิ่งที่เป็นต้นเหตุใหญ่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระอานนท์ ขณะประทับอยู่ ณ นิคมของชาวกุรุ ปรารภธรรมในหมวดธรรมที่ชื่อ ปฏิจจสมุปบาท เพื่อทรงแก้ความเข้าใจผิดของพระอานนท์ ที่กราบทูลว่า น่าแปลกที่ปฏิจจสมุปบาทเป็นธรรมที่ลึกซึ้งสุดคาดคะเน แต่สำหรับท่านกลับเป็นธรรมง่ายๆ พระพุทธเจ้าทรงห้ามมิให้พูดเช่นนี้ แล้วทรงอธิบายไล่เรียงในรายละเอียดให้ฟัง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สูตร#1 อนุมานสูตร พระมหาโมคคัลลานะแสดงแก่ภิกษุจำนวนหนึ่ง ขณะพักอยู่เภสกฬาวัน เขตเมืองสุงสุมารคิระ แคว้นภัคคะ โดยปรารภปวารณากรรมของภิกษุบางรูปที่เป็นผู้ว่ายาก โดยยกเรื่องธรรมที่ทำให้เป็นผู้ว่ายาก 16 ประการ และธรรมที่ทำให้เป็นผู้ว่าง่าย 16 ประการ มาตั้งเป็นข้ออนุมานตน ได้แก่บุคคลอื่นผู้มีธรรมให้เป็นผู้ว่ายาก ไม่เป็นที่รักที่พอใจของเรา ฉันใด ถ้าตนเองมีคุณธรรมให้เป็นผู้ว่ายากบ้าง คนอื่นก็ไม่รักไม่พอใจฉันนั้นเหมือนกัน ดังนั้นให้ปฏิบัติธรรมที่ทำให้เป็นผู้ว่าง่าย และได้ยกข้อธรรมทั้ง 2 ประการนั้น มาตั้งเป็นหัวข้อพิจารณาตนเองแต่ละประการอีกว่า ตนมีธรรมที่ทำให้เป็นผู้ว่ายากหรือไม่ ถ้ามีก็ควรพยายามละเสีย แต่ถ้าไม่มีในตน ก็ควรศึกษาและปฏิบัติตามกุศลธรรมทั้งหลายอย่างต่อเนื่องต่อไปสูตร#2 จูฬตัณหาสังขยสูตร ทรงแสดงแก่ท้าวสักกะ ณ บุพพาราม กรุงสาวัตถี เพื่อตอบปัญหาของท้าวสักกะ ที่ได้ทูลถามว่า กล่าวโดยย่อ ข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุจึงชื่อว่า ผู้หลุดพ้นด้วยธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา ฯลฯ เป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงตรัสตอบและอธิบายถึงข้อปฏิบัติ ที่ว่า “ธรรมทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่น “ ท้าวสักกะชื่นชมพระภาษิตและทูลากลับ ขณะนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ นั่งฟังอยู่ไม่ไกล คิดว่า ท้าวสักกะจะไม่เข้าใจจริง จึงตามไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อถามว่า พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องความสิ้นตัณหาโดยย่อว่าอย่างไร ท้าวสักกะไม่ตอบ แต่ชวนไปชมเวชยันตปราสาท พระเถระจึงสำแดงฤทธิ์ให้เวชยันตปราสาทสั่นสะเทือน จึงยอมบอกตามที่ทรงได้ฟังมา พระเถระได้กลับมารายงานให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ และทรงยืนยันว่าได้ตรัสอย่างนั้นจริง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
มหาปทานสูตร (3) พระพุทธเจ้าทรงเล่าถึงตอนพระปัสสีโพธิสัตว์ตรัสรู้ ทรงแสดงธรรมแก่คู่พระอัครสาวกและมหาชน ซึ่งในการแสดงธรรมนั้นมีผู้บรรลุธรรมตามเป็นจำนวนหลายแสนคน และได้ทรงส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ทรงดำริว่า เมื่อเวลาล่วงไปทุกๆ6ปี ภิกษุทั้งหลายควรกลับมายังกรุงพันธุมดี เพื่อแสดงปาฏิโมกข์ ซึ่งท้าวมหาพรหมได้กราบทูลว่าจะหาวิธีให้ภิกษุกลับมา ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงไปหาเหล่าเทพชั้นสุธาวาส และเหล่าเทพชั้นต่างๆ มีเทวดามากมายมาเข้าเฝ้า เทวดาได้เล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้าในสมัยนั้นๆที่ตนประพฤติพรหมจรรย์ แล้วจึงมาเกิดในที่นี้ ๆและทรงสรุปพระธรรมเทศนานี้ว่า ที่ทรงทราบพระประวัติของพระพุทธเจ้าในอดีต 6 พระองค์ ที่มีในกัปนี้และกัปก่อนๆและพระประวัติของพระองค์เอง เป็นเพราะพระองค์มีปัญญาทราบได้เองถึงพระพุทธเจ้าในอดีตและเพราะเหล่าเทวดาบอกเรื่องนั้นให้ทราบ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
มหาปทานสูตร(2) ตอนการออกผนวช การตรัสรู้ และการแสดงธรรม เมื่อพระวิปัสสีพุทธเจ้าได้ทรงเห็นเทวฑูตทั้ง 4 เป็นนิมิต ทรงเสด็จออกผนวช มหาชนทราบข่าวได้ออกบวชตามเสด็จ ต่อมาทรงหลีกออกจากหมู่อยู่เพียงลำพัง ประทับหลีกเร้นในที่สงัด ได้ทรงใคร่ครวญเรื่องปฏิจจสมุปบาทแล้วทรงบรรลุธรรม ท้าวมหาพรหมได้ทูลอาราธนาให้ทรงแสดงธรรม ทรงแสดงธรรมแก่คู่พระอัครสาวก และแก่มหาชน ซึ่งได้บรรลุธรรมตามที่ทรงตรัสรู้แจ้งนั้น ตามลำดับ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
มหาปทานสูตร (1) พระประวัติของพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ขณะประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ทรงปรารภเรื่อง ปุพเพนิวาสญาณของพระองค์ โดยตรัสเล่าพระประวัติโดยสังเขปของพระพุทธเจ้าในอดีต 6 พระองค์ ที่มีในกัปนี้และกัปก่อนๆและพระประวัติของพระองค์เอง แต่เนื่องจากภิกษุยังมีข้อสงสัยอยู่จึงได้เสด็จกลับมาและตรัสเล่าต่อ เฉพาะพระประวัติของพระวิปัสสีพุทธเจ้า ซึ่งในตอนนี้ เป็นตอนประสูติ ประกอบด้วยเรื่อง กฎธรรมดาของพระโพธิสัตว์ 16 ประการ , ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงมีเหมือนกัน และ การเห็นเทวฑูต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สูตร#1 จูฬมาลุงกยสูตร พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระมาลุงกยบุตร ณ พระเชตวัน ทรงปรารภเรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับทิฏฐิ 10 ประการ คือจะทรงตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ผู้ฟังก็ไม่สามารถเข้าใจ และไม่มีประโยชน์ พระมาลุงกยบุตรรู้สึกไม่พอใจ ที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงตอบอัพยากตปัญหา 10 ประการ จึงเข้าไปถามอีกครั้งหนึ่ง แต่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงตอบปัญหาเหล่านี้ เพราะไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์ได้ แต่ปัญหาที่จะทรงตอบ คือ ปัญหาเรื่องอริยสัจ 4 เพราะมีประโยชน์ และจะช่วยให้พ้นทุกข์ได้ เมื่อทรงตรัสจบ ท่านพระมาลุงกยบุตรมีใจยินดีชื่นชมพระภาษิตนั้นสูตร#2 มหามาลุงกยสูตร ทรงแสดงแก่พระมาลุงกยบุตรพร้อมกับภิกษุหลายรูป ทรงปรารภเรื่อง โอรัมภาคิยสังโยชน์ 5 ประการ (เครื่องร้อยรัดที่ยึดจิตให้อยู่ในภพ) ทรงตรัสถามภิกษุเรื่องสังโยชน์ 5 ประการ ท่านพระมาลุงกยบุตรมีคำตอบที่ถูกต้อง แต่บทพยัญชนะนั้นไม่แยบคาย จะทำให้อัญเดียรถีย์ปริพาชก นำเรื่องเด็กอ่อนที่นอนหงายมาโต้กลับได้ และ เพื่อปรับทิฏฐิของท่านมาลุงกยบุตรให้ละเอียดยิ่งขึ้นไป จึงทรงอธิบายขยายความถึงอุบายในการนำออกและข้อปฏิบัติเพื่อละสังโยชน์ และทรงแสดงว่า รูปฌาณ 4 และอรูปฌาณ 4 เป็นมรรคและปฏิปทาที่ทำให้ละสังโยชน์ทั้ง 5 ประการได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
มหาสุทัสสนสูตร (ตอนที่ 2) พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงดำริว่า เหตุที่ทรงมีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ในเวลานี้ เป็นผลเป็นวิบากแห่งกรรม 3 อย่าง คือ (1) การให้ (2) การข่มใจ (3) การสำรวม จึงทรงบำเพ็ญฌาน ได้บรรลุฌานที่ 1 ถึงฌานที่ 4 , ทรงเจริญพรหมวิหาร 4จากนั้นเวลาล่วงไปหลายพันปี พระนางสุภัทราเทวีเป็นนางแก้ว ได้เสด็จมาเฝ้า ทรงเห็นว่าพระสวามีจะทรงสวรรคต จึงทรงขอร้องให้อยู่ต่อเพื่อเห็นแก่สมบัติ เห็นแก่ชีวิต แต่กลับตรัสตอบขอให้พระเทวีทรงขอร้องใหม่ในทางตรงกันข้าม เพราะการพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นของธรรมดา การตายของผู้มีความกังวล ห่วงใย เป็นทุกข์ และถูกติเตียน พระเทวีก็ทรงกรรเเสง และทรงตรัสขอร้องใหม่ ตามที่พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงแนะนำนั้น และต่อมาไม่นาน พระเจ้ามหาสุทัสสนะก็สวรรคต เพราะทรงเจริญพรหมวิหาร 4 ประการ หลังจากสวรรคตแล้วจึงไปเกิดในพรหมโลก พระพุทธเจ้าทรงสรุปว่าพระเจ้ามหาสุทัสสนะสมัยนั้น คือพระองค์เอง และทรงชี้ให้เห็นสัจธรรมว่า แม้ทรงพรั่งพร้อมสมบูรณ์ด้วยสมบัตินานาประการ แต่ก็ทรงใช้สอยเพียงบางส่วนเท่านั้น และทรงตรัสว่า สังขารเหล่านั้นทั้งปวงล่วงลับดับไป ผันแปรไปแล้ว สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืน สังขารทั้งหลาย ไม่น่ายินดี ข้อนี้จึงควรเบื่อหน่าย ควรคลายกำหนัด ควรจะหลุดพ้นไปจากสังขารทั้งปวงโดยแท้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
มหาสุทัสสนสูตร (ตอนที 1) ทรงแสดงแก่ท่านพระอานนท์ ขณะประทับใต้ควงไม้สาละคู่ในวันปรินิพพาน ทรงปรารภคำกราบทูลพระอานนท์ว่า อย่าได้ทรงปรินิพพานที่กุสินารา ซึ่งเป็นเมืองเล็กนี้ ขอเสด็จไปในเมืองใหญ่ ทรงตรัสห้ามไม่ให้พูดอย่างนั้น แล้วทรงเล่าเรื่องในอดีตของกรุงกุสินารา เคยเป็นราชธานีของพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่า มหาสุทัสสนะ ผู้ครอบครองมหาอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล และมีกรุงกุสาวดี คือกรุงกุสินาราในบัดนี้เป็นเมืองหลวง มีประชากรหนาแน่น เจริญรุ่งเรืองมาก พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ทรงมีรัตนะหรือแก้ว 7 ประการ ,ทรงมีสมบัติ 10 ประการ และทรงสมบูรณ์ด้วยพระฤทธิ์ (ความสำเร็จ 4 ประการ) ทรงเพียบพร้อมบริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติเหล่านี้ เพราะกรรมดีของพระองค์ คือ ทาน ,การข่มใจ และการสำรวม จากนั้นทรงเจริญฌานสมาบัติ และพรหมวิหาร …(ยังมีต่อ) Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สูตร1 # โปตลิยสูตร ทรงแสดงแก่โปตลิยคหบดี ณ นิคมของชาวอังคุตตราปะชื่ออาปณะ แคว้นอังคุตตราปะ โดยทรงปรารภคำกล่าวของโปตลิยคหบดีเรื่องที่ได้ตัดขาดโวหารทุกอย่างแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสถามถึงการตัดขาดโวหารของเขา แล้วทรงแสดงธรรม 8 ประการที่เป็นไปเพื่อการตัดขาดโวหารในอริยวินัย ทรงอธิบายถึงโทษแห่งกาม (กามาทีนวกถา) 7 ประการ พร้อมทั้งการพิจารณาให้เห็นโทษแห่งกาม ซึ่งจะทำให้บรรลุฌาน 4 และวิชชา 3 เมื่อทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบลง โปตลิยคหบดีได้แสดงตนเป็นอุบาสกตลอดชีวิตสูตร#2 นิพเพธิกสูตร ว่าด้วยธรรมบรรยายที่เป็นเหตุชำแรกกิเลส คือ ทรงสอนให้ภิกษุทั้งหลายทราบสภาวธรรมต่าง ๆ รวม 6 ประการดังนี้ (1) กาม เหตุเกิดแห่งกาม ความต่างกันแห่งกาม ความดับแห่งกาม ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งกาม (2) เวทนา… (3) สัญญา… (4) อาสวะ… (5) กรรม… (6) ทุกข์… ทรงอธิบายขยายความแต่ละประการอย่างพิสดาร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
พระผู้มีพระภาคตรัสแก่มาณพ 2 คน คือ วาเสฏฐะ และภารัทวาชะ ขณะประทับอยู่ ณ อัมพวัน แคว้นโกศล ที่หมู่บ้านพราหมณ์ชื่อมนสากฏะใกล้ฝั่งแม่น้ำอจิรวดี ปรารภเหตุที่มาณพทั้ง 2 ถกเถียงกัน และตกลงกันไม่ได้ว่าทางที่ไปสู่พรหมโลก ทางไหนเป็นทางตรง ซึ่งมาณพทั้ง 2 ต่างอ้างถึงพราหมณ์ผู้ได้ไตรเพทบอกไว้ จึงทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงตัดสินว่าผู้ใดกล่าวถูก จึงทรงซักถาม ไล่เรียง ซึ่งพราหมณ์ผู้ได้ไตรเพทไม่เคยเห็นพรหม และทรงอธิบายสรุปให้ฟังว่า เป็นไปไม่ได้ว่าผู้ที่ไม่เคยเห็นพรหมจะบอกว่าทางนี้เป็นทางไปสู่พรหมโลก เป็นวาทะที่เลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน และตรัสถึงคุณสมบัติของพรหมกับของพราหมณ์ที่ต่างกัน และเปรียบเทียบกันไม่ได้ เมื่อตายแล้วจะอยู่ร่วมกับพรหมได้อย่างไร แต่พระองค์ทรงรู้จักพรหม และทางไปสู่พรหมโลก ทรงอธิบายวิธีการที่จะไปอยู่กับพรหม เริ่มตั้งแต่การประมวลพรหมจรรย์ตลอดสาย จนถึงการที่สามารถละนิวรณ์ได้ จนจิตเป็นสมาธิแล้ว และให้อยู่ในพรหมวิหาร 4 ซึ่งจะเป็นเครื่องที่ทำให้ไปอยู่กับพรหมได้ มาณพทั้ง 2 เกิดความเลื่อมใส ประกาศตัวเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สูตร 1 # วิตักกสัณฐานสูตร สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ได้รับตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า วีธีการละอกุศล 5 ประการ โดยการยกตัวอย่างเปรียบเทียบเพื่อกำจัดอกุศล ที่เมื่อละได้แล้ว จะทำให้จิตตั้งมั่นสงบ เกิดสมาธิขึ้น ตัดตัณหา ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้สูตร 2 # เทวธาวิตักกสูตร วิธีการแบ่งความคิดออกเป็น 2 ประเภท คือ อกุศลวิติก และกุศลวิตก ด้วยการมีสติแยกแยะความคิดที่เป็นอกุศลว่าเกิดขึ้นแล้ว และกำจัดความคิดที่เป็นอกุศลออกไป ตั้งดำรงความคิดที่เป็นกุศลไว้ จะทำให้จิตไปตามทางคือ มรรค สามารถทำสมาธิ ปัญญาให้แจ้ง และบรรลุธรรมได้ พระสูตรเพิ่ม # สัจจวิภังคสูตร ธรรมจักรอันยอดเยี่ยมตถาคตผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศแล้ว ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันสมณะพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลกยังไม่เคยประกาศ ได้แก่ การบอก การแสดง การบัญญัติ การแต่งตั้ง การเปิดเผย การจำแนก การทำให้ง่ายซึ่งอริยสัจ 4 ได้ทรงตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่าพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะสามารถอธิบายความอริยสัจ 4 ได้ ซึ่งพระสารีบุตรได้แสดงธรรมแห่งอริยสัจ 4 นี้ ให้เหล่าภิกษุได้ฟังอย่างละเอียด เมื่อพระสารีบุตรได้กล่าวดังนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีภาษิตของท่านพระสารีบุตร Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สิงคาลกสูตร สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร ในวันหนึ่ง "เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงเสด็จไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ ได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกะ คหบดีบุตร เนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมดกำลังไหว้ทิศทั้งหลาย คือ ทิศเบื้องหน้า ทิศเบื้องขวา ทิศเบื้องหลัง ทิศเบื้องซ้าย ทิศเบื้องล่าง ทิศเบื้องบน จึงทรงถามสิงคาลกคฤหบดีบุตรกำลังทำอะไร สิงคาลกคฤหบดีบุตรตอบว่ากำลังไหว้ทิศทั้ง ๖ คามคำสั่งเสียของบิดา ได้ทรงตรัสว่าสิ่งที่กระทำนั้นยังไม่ตรงตามคำสั่งเสียของบิดา และได้ทรงอธิบายตรัสกับคหบดีบุตรว่า อริยสาวกละกรรมกิเลส (กรรมเครื่องเศร้าหมอง) ๔ ประการ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยเหตุ ๔ ประการ และไม่ข้องแวะอบายมุข (ทางเสื่อม) ๖ ประการ แห่งโภคะทั้งหลาย อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากบาปกรรม ๑๔ ประการนี้แล้ว ชื่อว่าเป็นผู้ปิดป้องทิศ ๖ (หมายถึงปกปิดช่องว่างระหว่างตนกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง คือ มารดาบิดาเป็นทิศเบื้องหน้า อาจารย์เป็นทิศเบื้องขวา บุตรและภรรยาเป็นทิศเบื้องหลัง มิตรสหายเป็นทิศเบื้อง ทาสและกรรมกรเป็นทิศเบื้องล่าง สมณพราหมณ์เป็นทิศเบื้องบน) ปฏิบัติเพื่อครองโลกทั้งสอง ทำให้เกิดความยินดีทั้งโลกนี้และโลกหน้า หลังจากตายแล้ว ย่อมไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว สิงคาลกะคหบดีบุตรขอถึงพระผู้มีพระภาค พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต” จัมมสาฏกชาดก พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ ปริพาชกชื่อจัมมสาฏก ได้ตรัสพระธรรมเทศนาดังนี้ ได้ยินว่าปริพาชกนั้นมีหนังเท่านั้นเป็นเครื่องนุ่งและเครื่องห่ม วันหนึ่ง ปริพาชกนั้นออกจากอาราม เที่ยวไปในนครสาวัตถี มีพวกแพะชนกัน แพะเห็นปริพาชกนั้นจึงย่อตัวลงด้วยประสงค์จะวิ่งเข้าชน แต่ปริพาชกไม่หลบแพะด้วยคิดว่าแพะคงแสดงความเคารพ (โดยการย่อตัว) แพะจึงวิ่งมาชนปริพาชกนั้นที่ขาอ่อนทำให้ล้มลง เหตุที่เขายกย่องแพะซึ่งมิใช่สัตบุรุษนั้น (โดยคิดว่าแพะจะทำความเคารพเขา) ได้ปรากฏไปในหมู่ภิกษุสงฆ์ ว่าจัมมสาฏกปริพาชกกระทำการยกย่องอสัตบุรุษ จึงถึงความพินาศ พระศาสดาได้ทรงเล่าเหตุการณ์ในกาลก่อนที่เกิดขึ้นเหมือนกันให้เหล่าภิกษุฟังว่า ปริพาชกนี้ก็ได้ยกย่องอสัตบุรุษจึงถึงความพินาศแล้ว ด้วยการถูกแพะชนโดยเข้าใจว่ามันทำความเคารพ จึงยืนพนมมือ ขณะนั้น พ่อค้าผู้เป็นบัณฑิตนั่งอยู่ในตลาด เมื่อจะห้ามปริพาชกว่าอย่าได้ไว้วางใจแก่สัตว์ ๔ เท้า เพียงได้เห็นมันครู่เดียว มันต้องการจะชนให้ถนัด จึงย่อตัวลง แพะวิ่งมาโดยเร็วชนที่ขาอ่อน ทำให้ปริพาชกนั้นล้มลง ทำให้ได้รับทุกขเวทนา จึงถึงความสิ้นชีวิตไป พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า ปริพาชกชื่อจัมมสาฏกในครั้งนั้น ได้เป็นปริพาชกชื่อ จัมมสาฏกในบัดนี้ ส่วนพาณิชผู้บัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
# สักกปัญหสูตร ท้าวสักกะจอมเทพพร้อมด้วยปัญจสิขะ คันธรรพบุตร และ พวกเทพชั้นดาวดึงส์ ได้เข้าเผ้าพระผู้มีพระภาคในถ้ำอินทสาละ ที่ภูเขาเวทิยกะ ได้สนทนาธรรมกับพระผู้มีพระภาค ในเรื่องที่ท้าวสักกะจอมเทพได้ประจักษ์กับตนว่าผู้ที่เข้าถึงธรรมของพระพุทธเจ้าจะถึงความเป็นผู้วิเศษและบรรลุธรรม เช่นเดียวกับศากยธิดา ชาติที่เกิดเป็นมนุษย์เป็นสตรี หลังจากตายแล้วมาเกิดเป็นบุตรชายของตน และคนธรรพ์ 2 องค์ซึ่งเป็นภิกษุในพระพุทธเจ้ามาก่อน เมื่อถูกตักเตือน ระลึกถึงธรรมที่ตนได้ฟัง ได้สติ เห็นโทษของกาม ตัดกามสังโยชน์เสียได้ ก็ก้าวล่วงภพอันต่ำนั้น เข้าถึงกายอันเป็นพรหมปุโรหิต เหนือเทวดาชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกะจึงมาเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม ได้ทูลถามคำถามว่า มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ มีอะไรเป็นเครื่องผูกมัดใจไว้จึงทำให้ไม่มีความสุข ได้ทรงตรัสตอบว่าเพราะความริษยา และความตระหนี่ เป็นเครื่องผูกมัด และได้ทรงไล่เรียงต้นเหตุแห่งความความริษยา และความตระหนี่ เริ่มจาก อารมณ์อารมณ์อันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รัก ความพอใจ และความวิตกส่วนแห่งสัญญาอันประกอบด้วยปปัญจธรรม ได้แก่ โสมนัส โทมนัส อุเบกขา ได้ตรงตรัสว่าภิกษุผู้ปฏิบัติเพื่อความสำรวมในปาติโมกข์ 3 ประการ คือ กายสมาจาร วจีสมาจาร การแสวงหา ที่ควรเสพ และที่ไม่ควรเสพ การสำรวมอินทรีย์ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมที่ควรเสพและที่ไม่ควรเสพ ภิกษุผู้ภิกษุทั้งหลายผู้หลุดพ้นเพราะสิ้นตัณหาเท่านั้น จึงจะมีความสำเร็จสูงสุด มีความเกษมจากโยคะสูงสุด ประพฤติพรหมจรรย์ถึงที่สุด มีที่สุดอันสูงสุด เมื่อพระผู้มีพระภาคได้ตรัสไวยยากรณ์ภาษิตนี้แล้ว ธรรมจักษุอันปราศจากธุลีคือกิเลสปราศจากมลทิน เกิดขึ้นแก่ท้าวสักกะจอมเทพและแก่เทวดาอื่นอีก 80,000 องค์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ทีฆนิกาย มหาวรรค Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สูตร#1 มหาสมัยสูตร การประชุมครั้งใหญ่ของเทวดาวาระหนึ่ง เพื่อมาเฝ้าพระพุทธเจ้าและชมปฏิปทาของภิกษุสงฆ์ จำนวน 500 รูป ซึ่งล้วนเป็นพระอรหันต์ เมื่อเทวดามาพร้อมกันแล้ว ได้มีเสนามารเข้ามาในที่ประชุมด้วยประสงค์ร้าย พระองค์ทรงรับสั่งให้พระสาวกระวังตัว ด้วยพุทธานุภาพ เสนามารไม่สามารถทำอะไรแก่พระสาวกได้ และได้กล่าวสรรเสริญพระสาวกของพระองค์ว่า เป็นผู้ชนะสงคราม ล่วงพ้นความหวาดกลัวแล้วสูตร#2 สักกปัญหสูตร (พระสูตรเสริม)อ่าน "มหาสมัยสูตร ว่าด้วยการประชุมครั้งใหญ่ของเทวดา" พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ทีฆนิกาย มหาวรรคอ่าน "สักกปัญหสูตร" พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ทีฆนิกาย มหาวรรค Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
สูตร#1 พาหิติกสูตร ว่าด้วยการถวายผ้าพาหิติกา (ผ้าที่ทอจากต่างแคว้น) ท่านพระอานนท์แสดงแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองแคว้นโกศล ที่ได้ตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า พระพุทธเจ้าทรงประพฤติ ทางกาย วาจา ใจ ที่ผู้รู้ติเตียนหรือไม่ พระอานนท์ตอบว่าไม่ทรงประพฤติ และตรัสถามว่า ความประพฤติที่ผู้รู้ติเตียนและผู้รู้ไม่ติเตียนเป็นอย่างไร ท่านพระอานนท์ได้ตอบว่า ความประพฤติที่ผู้รู้ติเตียน คือ ความประพฤติที่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น หรือทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งทำให้อกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อม ทรงละอกุศลธรรมทุกอย่าง ทรงประกอบด้วยกุศลธรรมส่วนความประพฤติที่ผู้รู้ไม่ติเตียนมีนัยตรงข้ามกัน เมื่อท่านพระอานนท์แสดงจบ พระเจ้าปเสนทิโกศลเกิดความเลื่อมใสทรงถวายผ้าพาหิติกาเพื่อบูชาธรรมแก่พระอานนท์ ซึ่งท่านได้นำไปถวายพระพุทธเจ้าสูตร #2 กรรณกัตถลสูตร ทรงแสดงแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล ขณะประทับอยู่ ณ กัณณกัตถละ อุทัญญานคร แคว้นโกศล เพื่อทรงสนทนาธรรม เรื่องสัพพัญญู เรื่องวรรณะ 4 เรื่องเทวดาและพรหม โดยได้ทรงพยากรณ์ความเป็นสัพพัญญู , ทรงตรัสถึงวรรณะ 4 จำพวกในสัมปรายภพไม่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับมีหรือไม่มีธรรม 5 ประการ และความเพียร เปรียบเหมือนสัตว์ที่ฝึกกับสัตว์ที่ไม่ได้ฝึก ,ตรัสตอบเรื่องเทวดาและพรหมที่มีความเบียดเบียน มีทุกข์จึงจะมาเกิดในมนุษยโลกสูตร#3 ฐานสูตร (เพิ่มเติม) พระพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ว่าด้วยฐานะที่ใครๆ ไม่พึงได้ มี 5 ประการ คือ อย่าแก่ อย่าเจ็บไข้ อย่าตาย อย่าสิ้นไป และอย่าฉิบหายสูตร#4 ปิยชาติกสูตร (เพิ่มเติม) ตอน ลูกชายคนเดียวของคหบดีตาย Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Comments
Top Podcasts
The Best New Comedy Podcast Right Now – June 2024The Best News Podcast Right Now – June 2024The Best New Business Podcast Right Now – June 2024The Best New Sports Podcast Right Now – June 2024The Best New True Crime Podcast Right Now – June 2024The Best New Joe Rogan Experience Podcast Right Now – June 20The Best New Dan Bongino Show Podcast Right Now – June 20The Best New Mark Levin Podcast – June 2024
United States