Discover
Democracy X Innovations
Democracy X Innovations
Author: Infinity Podcast (ประเทศไทย)
Subscribed: 31Played: 233Subscribe
Share
© Infinity Podcast (ประเทศไทย)
Description
รายการวิเคราะห์การเมืองภายใต้ความร่วมมือกับสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า เพื่อวิเคราะห์บอกเล่าการเมืองผ่านมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเล่าบรรยากาศการเมืองในปัจจุบัน และมองหานวัตกรรมใหม่ๆของการเมืองไทยและการเมืองโลก
239 Episodes
Reverse
วันนี้เราพูดถึง Brave 1 ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางทหารที่ให้ทหารที่อยู่แนวหน้าในการสู้รบสามารถเสนอขออาวุธที่เหมาะสมกับแนวหน้าได้ ไม่ได้เป็นเพียงการกำหนดยุทโธปกรณ์จากศูนย์บัญชาการส่วนกลางอย่างเดียว ทำให้การรบในสนามได้มีการใช้อาวุธที่เหมาะสมกับทั้งสถานการณ์และภูมิประเทศ ซึ่งยูเครนเป็นผู้ใช้แพลตฟอร์มนี้และทำให้สามารถต้านรัสเซียได้ เมื่อกลับมามองสถานการณ์ใกล้บ้าน ที่มีข้อพิพาทระหว่างไทย/กัมพูชา กรณีมีการเหยียบกับระเบิดของทหารไทย และท่าทีของรัฐบาลที่อาจยังมีความนิ่งจนประชาชนหลายภาคส่วนยังไม่พึงพอใจ ซึ่งได้มีการนำคลิปของผู้นำทหารในอดีตของไทยมาโพสต์ซ้ำอยู่มากมาย ทำให้ที่สุดแล้ว จะทำไปสู่ความเชื่อมั่นที่ลดลงของรัฐบาลพลเรือนในระบอบประชาธิปไตย แล้วหันกลับไปนิยมผู้นำทางทหารหรือไม่?
ในตอนนี้เราได้คุยกับคุณบี ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI ทางการทหาร มาสนทนาถึงแนวโน้มสำคัญของการใช้ AI ในอนาคต โดยเฉพาะแนวคิด 'Self Reliance' หรือการพึ่งพาตนเองด้านการทหาร ซึ่งเป็นผลจากบทเรียนจากความขัดแย้งทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ระงับการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครนชั่วคราว นอกจากนี้ เราจะสำรวจว่า AI ที่ใช้ในระบบอาวุธจะไม่ใช่ AI ที่ฉลาดคิดเองได้ 100% แต่เป็น Machine Learning ที่ทำงานตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการที่ AI อาจตั้งคำถามเองหรือไม่ทำตามคำสั่งมนุษย์ รวมถึงเหตุผลที่ทหารราบยังคงมีความสำคัญไม่แพ้เทคโนโลยีล้ำสมัย ดังที่เห็นในสงครามยูเครนและการฝึกร่วม Golden Dragon ร่วมค้นพบว่า AI ช่วยเสริมจุดแข็งและลดจุดอ่อนในสมรภูมิได้อย่างไร เช่น การปรับปรุงวิสัยทัศน์และการแจ้งเตือนนักบิน และมองความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีการทหารของมหาอำนาจ ซึ่งข้อมูล AI มักจะไม่ถูกแบ่งปันง่ายๆ พร้อมเจาะลึกบทบาทและแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศอันน่าสนใจของไทยที่พยายามสร้างสมดุลกับมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐฯ ผ่านการจัดซื้ออาวุธที่หลากหลายและการฝึกร่วม ปิดท้ายด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์โลกปัจจุบัน รวมถึงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่กัมพูชาได้รับการสนับสนุนจากจีน และมุมมองว่าเรากำลังอยู่ใน 'สงครามเย็นเวอร์ชัน 2' มากกว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจว่าทำไมการเมืองและสงครามจึงเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก
วันนี้เราพูดถึงหลักการควบคุมทหารโดยพลเรือนในระบอบประชาธิปไตย โดยนักการเมืองมีอำนาจสูงสุดในการกำหนดนโยบายทางทหารและบริหารงานบุคคล รวมถึงการกำหนดจำนวนและวิธีการสรรหากำลังพลเข้าสู่กองทัพ ระบบการสรรหากำลังพลทั่วโลกแบ่งเป็นสองแบบหลักคือการบังคับเกณฑ์ทหารกับการสมัครใจ การบังคับเกณฑ์ทหารมักพบในประเทศที่มีเพื่อนบ้านไม่เป็นมิตรและ/หรือใช้กองทัพเป็นเครื่องมือในการกล่อมเกลาพลเมือง เช่น เกาหลีใต้และอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลมีทางเลือกในการรับราชการในหน่วยงานความมั่นคงอื่นนอกเหนือจากทหารได้ ส่วนระบบสมัครใจนั้นพบในประเทศอย่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ที่เคยใช้การเกณฑ์ทหารแต่เปลี่ยนมาใช้ระบบสมัครใจเนื่องจากการต่อต้านของประชาชนและการตระหนักว่าระบบนี้สอดคล้องกับคุณค่าประชาธิปไตยมากกว่า โดยมีการฝึกที่เข้มข้นและสร้างทหารอาชีพ สำหรับประเทศไทย พบว่าไม่เป็นไปตามหลักการควบคุมทหารโดยพลเรือน และกระบวนการเกณฑ์ทหารของไทยก็ยังคงแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ที่ศึกษามา มีการเสนอแนวทางในการปรับปรุงแม้จะยังไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ โดยอาจกำหนดให้การเกณฑ์ทหารเป็นเพียงกรณีสำหรับกองกำลังสำรอง และควรให้รัฐมนตรีเสนอร่างต่อรัฐสภาเพื่ออนุมัติการบังคับเกณฑ์ทหารในสภาวะปกติ นอกจากนี้ หากยังคงการเกณฑ์ทหารไว้ ควรเพิ่มทางเลือกให้ผู้ถูกเกณฑ์ไปทำงานในหน่วยงานอื่น ๆ ที่ขาดแคลนกำลังพล เช่น ตำรวจ หรือหน่วยงานบริการสาธารณะที่จำเป็น เช่น การช่วยเหลือภัยพิบัติ การสนทนาชี้ว่าการปรับปรุงเหล่านี้เป็นการถกเถียงและนำเสนอแนวทางที่เป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้เกิดความเข้าใจและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับพลเรือนอย่างจริงจังในประเทศไทย
เราได้เห็นกรณีเกิดงูเห่าตามมาถึงการที่เกิดการ "ยื่นแยกพรรค" ในพรรคเดียวกันเอง ซึ่งเกิดเป็นรอยแตกร้าวในพรรคเพื่อเป้าหมายต่าง ๆ การย้ายพรรคและผลกระทบต่อความเข้มแข็งของพรรคการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอและเป็นเพียง "ที่พักพิงของกลุ่มผลประโยชน์" เนื่องจาก ส.ส. ที่ถูกขับออกจากพรรคยังคงสถานะ ส.ส. ได้ ต่างจากรัฐธรรมนูญ 2540 ที่พยายามทำให้พรรคการเมือง "เข้มแข็ง" ขึ้น โดยกำหนดให้ ส.ส. ต้องเป็นสมาชิกพรรค หากถูกขับออกจะสิ้นสุดสมาชิกภาพ มีการยกตัวอย่างกรณีคุณธรรมนัสที่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐไปตั้งพรรคกล้าธรรม และกรณีคุณศรีนวลกับคุณกฤตที่พยายามให้พรรคขับออกเพื่อรักษาที่นั่ง มีการเสนอแนวทางในการทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งขึ้นโดยไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดแบบรัฐธรรมนูญ 2540 แต่เน้นใช้ "ข้อบังคับการประชุมสภา" และ "ธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง" แทน โดยควรกำหนดให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของ ส.ส. ในสภา เช่น การอภิปราย โควต้ากระทู้ และการนั่งใน กมธ. เป็น "โควต้าของพรรคการเมือง 100%" หาก ส.ส. ฝ่าฝืนมติพรรค ควรถูกตัดสิทธิ์เหล่านี้ทั้งหมด ปัจจุบันข้อบังคับสภายังไม่รองรับเรื่องเหล่านี้ ทำให้ ส.ส. ที่ถูกมองว่าเป็น "งูเห่า" ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์หากพรรคใหม่สนับสนุน ท้ายที่สุด ชี้ว่าปัญหาทางการเมืองปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่อ่อนแอ หรือรัฐบาลที่เน้นการดำรงอยู่ให้ครบเทอมมากกว่าการผลักดันนโยบาย ล้วนมีสาเหตุมาจาก "รัฐธรรมนูญ 2560" ซึ่งเป็นมรดกจากการรัฐประหาร และยังเชื่อมโยงกับแนวคิด "ชาตินิยม" ที่ทรงพลัง ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องการรัฐประหารได้เมื่อรัฐบาลไม่สามารถจัดการปัญหาได้ทันใจ
กระแสความไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยไทย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมุมมองที่ว่าการรัฐประหารอาจมีผลดี นำไปสู่คำถามว่าสังคมไทยยังเชื่อในอำนาจที่เหนือกว่าประชาชนหรือไม่ ปัญหานี้ถูกเชื่อมโยงกับข่าว วัดไร่ขิง 888 ที่สะท้อนปัญหาการสะสมความมั่งคั่งของสถาบันศาสนาในสังคมเหลื่อมล้ำ ซึ่งเกิดจากแนวคิดการทำบุญกับผู้มีสถานะสูงเพื่อหวังผลบุญมาก ทำให้คนจนบริจาคให้คนรวยกว่า ยิ่งเสริมความเหลื่อมล้ำ ปัญหาหลักคือ เมื่ออำนาจหรือเงินอยู่ในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา มักถูกมองว่าบริสุทธิ์และ ขาดระบบตรวจสอบที่ดี ทำให้เงินอาจถูกนำไปใช้ส่วนตัวได้ บทเรียนสำคัญคือ อำนาจใดๆ ก็ตามมีโอกาสคอร์รัปชันได้เสมอหากไม่มีระบบตรวจสอบถ่วงดุล เช่นเดียวกับองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกมองว่าศักดิ์สิทธิ์และถูกออกแบบให้ตรวจสอบได้น้อย สุดท้ายก็พบปัญหาการใช้อำนาจที่ไม่โปร่งใสหรือไม่สมเหตุสมผล ดังนั้น จุดยืนใหม่ที่ควรตั้งคือ ไม่ควรไว้วางใจอำนาจใดเท่าเทียมกัน ทุกอำนาจมีโอกาสคอร์รัปชัน และต้องมีกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็ง สังคมไทยยังมีเรื่องที่เป็นทาบู เช่น ศาสนาและศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ยากต่อการตั้งคำถามซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น แม้ไทยจะยังไม่เป็น "fail state" แบบเม็กซิโก แต่รัฐบาลปัจจุบันถูกมองว่า ไม่สามารถส่งมอบนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเพราะไม่แก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่สร้างกลไกขัดขวางการทำงาน โดยเฉพาะระบบบริหารงานบุคคลในราชการ ทำให้ฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งผลักดันงานยาก ดังที่เห็นจากความยากลำบากของผู้ว่าฯ กทม. ในการส่งมอบนโยบายแม้ได้รับความนิยมสูง สรุปคือ ปัญหาเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่มอบอำนาจล้นเกินให้บางองค์กร และยืนยันว่าการมองทุกอำนาจด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจพร้อมสร้างระบบตรวจสอบที่แข็งแกร่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย
จบไปแล้วกับงานมหาสงกรานต์ทั่วประเทศ ที่มีการจัดอย่างยิ่งใหญ่ต้อนรับนักท่องเที่ยวสมกับเป็นเมืองที่เน้นด้านการท่องเที่ยวแบบประเทศไทย คาดว่าสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศและเป็นหน้าตาให้กับประเทศไทยได้อย่างมาก จึงคาดหวังให้ประเทศไทยสามารถทำอย่างนี้ได้ตลอดไป เพื่อเป็นลายเซ็นของการท่องเที่ยวไทย ให้ยกระดับสู่สากล เมื่อพูดถึงเรื่องรายได้ จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้น การพูดถึงการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นเรื่องร้อนแรงเขย่าโลกของประธานธิบดีโดนัล ทรัมป์ เราจึงมามองในมุมมองของการขึ้นภาษีในแบบที่มันเป็น มากกว่ามองในเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากการเจรจาต่อรองในแง่นี้ ไม่อาจมีระเบียบแบบแผนเหมือนการเจรจาในทั่วไป การดำเนินการของทรัมป์อาจเป็นการฉีกตำราทุกเล่ม เราจุงอาจต้องทำความเ้ขาใจผ่านสายพานการผลิตทั่วโลก (global supply chain) และการแบ่งงานกันทำ (global division of labour) ของโลกแห่งเศรษฐกิจเน้นส่งออก (export-based economy) เป็นต้นมา ทำให้เข้าใจถึงหลักการของและเหตุผลที่ทำให้บางคนหวงแหนการค้าเสรี (free trade)
แผ่นดินไหวที่ผ่านมา เราเห็นความพยายามและตั้งใจของทีม ผู้ว่าฯ กทม. ที่ทำได้ดีในเรื่องของการสื่อสารและการช่วยเหลือผู้ประสบภัย .แต่ในอีกด้านหนึ่ง กทม. เป็นการปกครองท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ ที่มีที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เป็นคนที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จึงไม่ได้เป็นผู้ว่าที่แข็งแกร่งแต่เพียงภาพที่เป็นไวรัลทางโซเชียลมีเดีย แต่ยัง "แข็งแกร่ง" จากการสนับสนุนจากประชาชนผู้ไปเลือกตั้ง และประชาธิปไตย แต่จากคลิปการประชุมสภากรุงเทพ เราได้เห็นว่า ตัวชัชชาติเอง ไม่สามารถดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณบางประการได้ เนื่องจากไม่ผ่านการพิจารณาจากสมาชิกสภากรุงเทพ (สก.) บางท่าน .การมีการเลือกตั้งทางตรง แม้จะมีข้อดีในการได้ผู้นำจากประชาชนเลือกตั้งโดยตรง แต่หากขาดการสนับสนุนในสภา ก็ยากที่จะดำเนินนโยบายที่สัญญากับประชาชนไว้ได้ และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในระยะยาว คำถามต่อมาคือ ในอนาคต ผู้ว่าที่มาจากการเลือกตั้ง จำเป้นต้องมี สก. ของตัวเอง จึงจะสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวหรือไม่
ตั้งแต่มีการกำหนดให้มีองค์กรตามรัฐธรรมนูญในรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นต้นมา องค์กรที่เรามักเรียกกันว่าองค์กรอิสระ ก่อนจะมีการกำหนดชื่อให้อิสระ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีอิสระนั้น องค์กรอิสระที่เราเห็นว่ามีอำนาจมากแทบจะเหนือฝ่ายการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชนนั้น มีอำนาจมากกว่าที่เห็นในปัจจุบันเสียอีก สาเหตุก็มาจากการเมืองภาคประชาชนที่กำลังเบ่งบานในยุคสมัยนั้นมีความไม่ไว้วางใจนักการเมืองในระบบ เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร แต่ในปัจจุบัน กลับกลายมาเป็นอาวุธที่ทิ่มแทงนักการเมืองที่เป็นตัวแทนที่ประชาชนไว้วางใจเสียเอง ไม่ว่าจะเป็น กกต หรือ วุฒิสภา ที่มีอำนาจและอิทธิพลในการกำหนดที่มาของกรรมการในองค์กรอิสระที่มีอำนาจชี้ขาดชีวิตทางการเมืองของนักการเมือง เราจึงอภิปรายกันในเรื่องขอบเขตอำนาจและความเหมาะสมขององค์กรเหล่านี้ในระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นกัน
วันนี้เราพูดถึงเรื่องการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในระดับมหาวิทยาลัย หรือในระดับมัธยม ว่ามีการได้รับการสนับนุนจากรัฐมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงการเสียโอกาสของคนไม่ความรู้แต่ไม่มีทุนทรัพย์ ประกอบกับความจำป็นทางเศรษฐกิจ การเข้ามาของเสรีนิยมใหม่ ทำให้ต้องเกิดการลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายของรัฐต่าง ๆ กระทบกระเทือนถึงการศึกษา อันเป็นต้นทุนของประชากรในประเทศ เราจะทำอย่างไรให้ประชากรในประเทศมีคุณภาพต่อตลากแรงงาน ยังไม่สนับถึงคุณภาพชีวิตของผู้ที่ทำการสอน ครู หรืออาจารย์ ที่มีเงื่อนไขการจ้างงานที่ย่ำแย่
การเลือกตั้งในเยอรมนีในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของประชาชนในโลกที่เลือกตั้งพรรคการเมือง/นักการเมือง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ขึ้นเป็นผู้นำ หากการเมืองแบบพรรคของเยอรมนีเป็นการเมืองที่เป็นตัวแทนของอุดมการณ์ทางการเมืองแล้ว พรรค AfD ซึ่งเป็นฝ่ายขวาสุดโต่ง หรือที่เรียกกันว่า Far-Right เป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายที่โดดเด่นเรื่องการต่อต้านผู้ลี้ภัย มีคะแนนสูงขึ้นเป็นอันดับสอง รองจากพรรค CDU/CSU ซึ่งเป็นพรรคขวากลาง ในเยอรมนี โดยคะแนนของพรรคอันดับหนึ่ง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญจากการเลือกตั้งครั้งก่อน ผิดกับ AfD การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นในชัดว่าประชาชนผู้เลือกตั้งในเยอรมนี อยู่ในเฉดขวามากกว่าซ้าย และมีแนวโน้มต้องการการตัดสินใจที่สุดขั้ว เด็ดขาด และรักษาผลประโยชน์ของคนในประเทศมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน คะแนนนิยมที่ลดลงของพรรคเสรีนิยมอย่าง FDP ได้แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่ลดลงของอุดมการณ์เสรีนิยมในเยอรมนี แต่ขณะเดียวกันฝ่ายซ้ายสุดขั้วอย่างพรรค Die Linke ก็กลับได้คะแนนสูงขึ้นเช่นกัน ผลการเลือกตั้งนี้บอกอะไรเรา? ขณะที่การเมืองในสหรัฐฯ แม้ว่าคะแนนนิยมของทรัมป์จะสูง แต่การเข้ามามีอำนาจของมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ นั้นถูกมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ประกอบกับการถูกมองว่ามีความนิยมรัสเซียของทรัมป์ จะทำให้ความนิยมลดลงหรือไม่? หรือการขึ้นมามีอำนาจของ "ฝ่ายขวา" ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ?
วันนี้เราได้มาพูดคุยถึงชัยชนะของพรรคประชาชนใน จ.ลำพูน ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ผ่านมา ทว่า สื่อหลายสำนักได้ให้ข่าวว่า ว่าที่นายก อบจ.ลำพูนจะมาจากบ้านใหญ่ แต่ influencers ของพรรคหลายท่านได้โต้ตอบว่า บ้านใหญ่ต้องดูที่พฤติกรรม ไม่ใช่นามสกุล เราจึงพามาชวนคุยว่า "ฤาการเมืองท้องถิ่น จะเป็นที่แบ่งผลประโยชน์ของบ้านใหญ่เท่านั้น" ตลอดจนเรื่องราวร้อนแรงของการเมืองระดับชาติ ที่มีการตัดไฟประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยับยั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และผูกพันมาถึงเรื่องอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้าง entertainment complex ในประเทศไทย
ประชาธิปไตยทำให้สหรัฐฯ หันเหออกจากความช่วยเหลือระหว่างประเทศและหันมาให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของชาติมากขึ้น ส่งผลให้การค้าและพันธมิตรทั่วโลกได้รับผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้ ตอนดังกล่าวยังกล่าวถึงประสิทธิภาพของระบบของอเมริกา ซึ่งประธานาธิบดีสามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากประเทศไทยที่ถูกขัดขวางด้วยระบบราชการที่หยั่งรากลึก นอกจากนี้ ตอนดังกล่าวยังเจาะลึกถึงผลกระทบระดับโลกจากนโยบายของทรัมป์ เช่น ความท้าทายต่อห่วงโซ่อุปทานระดับโลกและองค์กรระหว่างประเทศ และศักยภาพในการปรับโครงสร้างใหม่ของโลก นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ลัทธิชาตินิยม ความท้าทายต่อความถูกต้องทางการเมือง และความสำคัญของเสรีภาพในการพูดในบริบทของโซเชียลมีเดียในภูมิทัศน์ทางการเมืองของสหรัฐฯ การสนทนายังเปรียบเทียบโครงสร้างทางการเมืองของสหรัฐฯ กับของประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งมีอำนาจอย่างมาก ตอนดังกล่าวจบลงด้วยการพิจารณาอนาคตของพลวัตของอำนาจระดับโลกและศักยภาพของประเทศอื่นๆ ในการคว้าโอกาสใหม่ๆ
Netflix จับมือ WWE บริษัทมวยปล้ำยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ ถ่ายทอดสดมวยปล้ำและยังนำบันทึกเทปเก่าๆ ให้ชมกันแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้เรานึกถึงงานชิ้นหนึ่งของนักปรัชญาอย่างโรลอง บาร์ทส์ ชาวฝรั่งเศสที่ได้เคยเปรียบเทียบมวยปล้ำกับการเมือง ที่มักจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ฉายภาพออกมาเป็นฝ่ายธรรมะและอธรรม นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมเมื่อฝ่ายธรรมะหรืออธรรมได้เปรียบ เช่นเดียวกับอาการทางการเมืองไทยตอนนี้ ที่มีการแข่งขันหาเสียงเพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง อบจ. ทำให้เกิดการสร้างอารมณ์ร่วมทางการเมืองไม่แพ้มวยปล้ำ โดยเฉพาะสายปั่น สายแบก ที่ผลัดกันออกมาให้ข้อมูลในลักษณะข้อเท็จจริง (fact) และความจริง (truth) ทำให้การเมืองนั้นเข้มข้น แต่การเมืองที่เราจะเจอในปี 2025 นี้ จะมีผลลัพธ์ที่ดีต่อประชาชนและประเทศชาติมากน้อยแค่ไหน ยังคงต้องจับตามองต่อไป
ในตอนพิเศษก่อนเข้าสู่ปีใหม่ Democracy X Innovation ขอพาผู้ฟังไปสำรวจประเด็นที่ใกล้ตัวและมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างลึกซึ้ง นั่นคือ “บ้าน” ที่ไม่เพียงเป็นที่อยู่อาศัยหรือความฝันของใครหลายคน แต่ยังสะท้อนถึงระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน เริ่มจากภาระของการผ่อนบ้านในยุคที่ดอกเบี้ยสูงจนกระทบต่อความเป็นอยู่ของครอบครัวไทยทั่วไป และต่อยอดไปถึงการวิเคราะห์โครงการ “บ้านหลังแรก” และนโยบายใหม่ ๆ ที่รัฐพยายามผลักดันเพื่อลดภาระประชาชน แต่ในความพยายามเหล่านั้นกลับแฝงด้วยคำถามถึงความยั่งยืน ความเป็นธรรม และประโยชน์ที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบ ไม่เพียงแค่นั้น ชวนผู้ฟังสำรวจลึกถึงรากฐานของปัญหาที่ไม่เพียงหยุดอยู่ที่เรื่องบ้าน แต่สะท้อนถึงกลไกการเมืองและรัฐธรรมนูญที่อาจทำให้รัฐบาลไม่สามารถออกนโยบายที่มีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ การพูดคุยครอบคลุมตั้งแต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทย การออกแบบระบบที่ดูเหมือนเอื้อให้เกิดความเป็นอิสระ แต่กลับกลายเป็นดาบสองคมที่สะท้อนกลับมาทำให้ระบบการเมืองอ่อนแอ และยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง ปิดท้ายที่ตั้งคำถามถึงอนาคตของการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไทย ทั้งในมิติของความหวังและความกังวล
ในตอนนี้ เราจะพาไปสู่ประเด็นการเมืองระดับโลกที่หลากหลาย ตั้งแต่บทวิเคราะห์การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาและบทบาทของผู้นำอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สร้างกระแสในเรื่องชาตินิยมและการปกป้องผลประโยชน์ภายในประเทศ ไปจนถึงการวิพากษ์นโยบายของพรรคเดโมแครตที่หลายคนมองว่าสูญเสียจุดยืนเดิม การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและก้าวหน้า แต่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงในความต้องการของประชาชนที่เน้นเรื่องปากท้องมากกว่าวาระอุดมคติ
นอกจากนี้ เรายังเจาะลึกกรณีของเกาหลีใต้ที่สร้างบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับความเข้มแข็งของรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะกลไกการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดยั้งการใช้อำนาจเกินขอบเขตได้ นี่เป็นตัวอย่างสำคัญที่ไทยสามารถนำมาปรับใช้เพื่อเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ที่สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มี และสามารถประคองคะแนนนิยมไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่ รับฟังประเด็นที่เข้มข้นและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เจาะลึกได้ในตอนนี้!
มีรายงานว่า วัยรุ่น Gen Z นั้นมีแนวโน้มที่จะลาออกจากงานประจำ เนื่องจากไม่ต้องการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานหรือแม้แต่หัวหน้า ไม่ชอบการบังคับ และต้องการอิสระในการทำงาน และอาจมุ่งสู่อาชีพอิสระ เพราะต้องการ "ความเป็นอิสระในการทำงาน" ที่มากกว่าแต่ไม่สนใจ "ความมั่นคง" ในการทำงาน? เราจึงมาทบทวนว่า ในรอบวัฏจักรของการปฏิวัติอุตสาหกรรม [และเทคโนโลยี] ในรอบนี้ ทำให้การรับรู้และการใช้ชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ประกอบกับการลดลงของประชากร เนื่องจากวัยรุ่น Gen Z นั้นมีแนวโน้มที่จะสืบพันธุ์ลดลง ทำให้เกิดปัญหาประชากรในอนาคต มนุษย์จะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ประกอบกับหากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ จนต้องการมนุษย์น้อยลง จะทำให้มนุษย์ดำรงอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร หรือเฟสต่อไปของการปฏิวัติอุตสาหกรรม จะไม่มีมนุษย์อยู่ในสมการ?
ในชั้นของกรรมาธิการ สว. (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ… ไม่เห็นด้วยกับร่างของ สส. ที่ต้องการให้เปลี่ยนกติกาการลงประชามติจากเสียงข้างมากสองชั้น (Double Majority) ไปเป็นเสียงข้างมากธรรมดา ทั้งที่มีการลงคะแนนให้แล้วในวาระ 1-2 ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เหตุใด การแก้ไข พรบ.ประชามติ ถึงมาล่มเอาตอนนี้ เนื่องจากมีการวาง timeline มาเป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว และหากล่าช้า ก็จะทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่ได้มีการสัญญาเอาไว้ล่าช้าลงไปอีก ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการใช้ความไม่เป็นการเมือง (ซึ่งไม่แน่ใจว่าการพยายามไม่ให้ สว. มาจากกลุ่มทางการเมืองนั้นเป็นการไม่ต้องการให้ สว. เป็นนักการเมืองหรือไม่) เล่นการเมือง ทำให้ฝ่ายการเมืองนั้นไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ ซ้ำการพยายามปิดไม่ให้เกิดการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงกฎหมายสำคัญที่มีผลให้ความเป็นไปทางการเมืองเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นสัญญาณปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคตหรือไม่
ช่วงนี้เงินบาทแข็งค่ามาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะผลกระทบจากสถานการณ์โลกหรืออย่างไร แต่แน่นอนว่ามีคนได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบ ฟากฝั่งรัฐบาลเห็นว่าควรลดค่าเงินบาท ให้การส่งออกดีขึ้น ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่าคงไว้ได้ จึงเกิดเป็นวาทะที่ต่างวาระกันผ่านสื่อของทั่งสองฝั่ง ทำให้เกิดการถกเถียงว่า การเพิ่มหรือลดค่าเงินบาทนั้นดีกว่ากัน มากไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่องค์กรในลักษณะที่เป็น “อิสระ” มีอำนาจมากในการคานกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นี่จะเป็นข้อดีหรือข้อเสียกันแน่ เพราะผลประโยชน์ของประชาชนนั้นเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในลักษณะนี้ไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกัน เกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยเลือกที่จะถอยในเรื่องการแก้ไขในจริยธรรมเนื่องจากพรรคร่วมไม่เห็นด้วย และให้เหตุผลว่า ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเราได้อภิปรายถึงเรื่องการชั่งน้ำหนักของการนำเรื่องจริยธรรมมาเป็นกฎหมาย แล้วสุดท้ายเกิดความสะดุดลงโดยการหลุดจากตำแหน่ง ก็จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ได้ด้วยเช่นกัน
สภาได้มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ของทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสังคมไทยมากขึ้น เราจึงมาชวนคุยเรื่องอัตลักษณ์รัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญกับบริบททางสังคมของประเทศต่าง ๆ ว่าเหตุใดกฎหมายจึงเป็นผลผลิตของสังคมนั้น ๆ
จากการที่มีการโปรดเกล้าฯ ครม. ของนายกฯแพทองธาร แล้ว ซึ่งเป็นการตั้ง ครม. ตามเอกสิทธิ์ของนายกฯ ที่ต้องระมัดระวังในการตั้งคนที่มีคุณสมบัติไม่ครบ จึงต้องเปลี่ยนมาตั้งบุคคลอื่น แต่บุคคลอื่นเหล่านั้น ดันมีนามสกุลที่คล้ายกับนักการเมืองรุ่นก่อน จนเกิดกระแสที่กล่าวว่า เป็น ครม. สืบสันดาน แต่แล้ว ครม.สืบสันดานนั้น จะเป็นวาทะ คล้ายกับ "สภาผัวเมีย" หรือ "เผด็จการรัฐสภา" ในอดีตหรือไม่ จนเป็นวาทะเด็ดในการโค่นล้มและลดความชอบธรรมให้กับระบอบประชาธิปไตยตัวแทน จนเรียกร้องระบอบรัฐธรรมนูญ เหมือนที่เคยผ่านมาในอดีตในปี 2549 และ 2557 หรือไม่?























