DiscoverEND GAME เกมที่แพ้ไม่ได้
END GAME เกมที่แพ้ไม่ได้
Claim Ownership

END GAME เกมที่แพ้ไม่ได้

Author: THE STANDARD

Subscribed: 5Played: 20
Share

Description

วิเคราะห์การเมืองไทยรายสัปดาห์ด้วยข้อมูลเชิงลึกส่งตรงจากแหล่งข่าว วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์เพื่อเป้าหมายพาการเมืองไทยสู่ระบอบประชาธิปไตย กับ บรรณาธิการข่าว THE STANDARD
14 Episodes
Reverse
ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณบวกกับ ทักษิณ ชินวัตร หลังศาลอาญาให้ประกันตัวคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนคดี เศรษฐา ทวีสิน และยุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดพิจารณาคดีต่อ ซึ่งเชื่อมโยงกับการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่ฝ่ายค้านคือ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถล่มงบนี้ว่า “เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” ทำให้ ดนุพร ปุณณกันต์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สวนกลับว่า “หากก้าวไกลถูกยุบ เจ๊งของจริง” สะท้อนคำถาม ‘บทเรียนยุบพรรคจากเพื่อไทยสู่ก้าวไกล’ ที่ในอดีตฟากเพื่อไทยและทักษิณเคยมีบทเรียนกับการถูกยุบพรรค 3 ครั้ง คือ ไทยรักไทย, พลังประชาชน และไทยรักษาชาติ แต่ถ้าถอดจากสิ่งที่พูด อาจมองว่าการยุบพรรคเป็นเรื่องที่ดีกับฝั่งตรงข้ามตนเอง ทั้งๆ ที่เคยประสบชะตากรรมมาก่อนหรือไม่
18 มิถุนายน ไม่ทราบว่าฤกษ์ยามจากสำนักไหน แต่เรื่องใหญ่การเมืองไทยปะทุพร้อมกัน ตั้งแต่คดียุบพรรคก้าวไกลที่จะได้รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนัดชี้ชะตาเลยหรือขยายเวลาต่อไปอีก วันเดียวกัน คดีที่ 40 สว. ไปยื่นถอดถอนนายกฯ เศรษฐา ศาลท่านก็จะกำหนดวันวินิจฉัยวันเดียวกันอีก คือการเลือก สว. จะล้มหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญท่านอาจชี้ชะตาเลยหรือไม่ และโฟกัสใหญ่คืออดีตนายกฯ ทักษิณ จะเดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อส่งตัวฟ้องคดีมาตรา 112 ต่อศาลหรือไม่
การเมืองไทยเข้าสู่เดือนมิถุนายนพร้อมกับความไร้เสถียรภาพ เราอยู่ในสถานะที่ไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะเป็นคนเดิมหรือต้องเปลี่ยนตัวเพราะต้องรอศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา ส่วนอดีตนายกฯ ทักษิณ ก็ต้องรอลุ้นว่าจะลงเอยอย่างไร หลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องคดี 112 และนัดมาส่งฟ้องต่อศาลวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ทั้งสองกรณีไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร มันทำให้เดือนมิถุนายนกลายเป็นเดือนที่สูญเปล่าทางเศรษฐกิจ รัฐบาลทำงานอะไรก็ไม่ได้เต็มที่เพราะไม่รู้ลูกผีลูกคน ในขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจยังถาโถม วิกฤตศรัทธาของพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่กระเตื้องกลับมา
ชมวิดีโอ EP นี้ใน YouTube เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด https://youtu.be/rY2sKrtDLvc รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทำไปทำมานอกจากผลงานยังไม่เข้าตา คะแนนนิยมยังไม่ขยับผ่านโพลหลายสำนักแล้ว ยังจะดูง่อนแง่นขาดเสถียรภาพ ตั้งแต่คดีตามคำร้อง 40 สว. กรณีตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ที่ไปจ่อรอชี้ชะตาที่ศาลรัฐธรรมนูญ และกรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การดึง วิษณุ เครืองาม มาช่วยงานครั้งนี้จึงถูกมองได้สองแบบ แบบหนึ่งคือดึงมาช่วยงานรัฐบาลจริงๆ อีกแบบหนึ่งคือเป็นตัวแทนอำนาจเก่ามานั่งเฝ้ารัฐบาลเพื่อไทย
ถ้าถามว่าทำอย่างไรไม่ให้การเสียชีวิตของ บุ้ง เนติพร สูญเปล่า คำตอบคือการพูดถึงข้อเรียกร้องของเธอต่อไป ข้อเรียกร้องที่เรียบง่ายและไม่ต้องแก้กฎหมายใดๆ คือ ‘การคืนสิทธิประกันตัว’ เพราะบุ้งยังไม่ได้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด เช่นเดียวกับผู้ต้องหาทางการเมืองอีกหลายคนที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยกับวิธีการก่อนหน้านี้ของเธอหรือไม่ แต่ข้อเรียกร้องระหว่างอดอาหารของเธอถือเป็นหลักสากล การเสียชีวิตของบุ้งทำให้เกิดคำถามและการทวงสัญญาจากรัฐบาลเพื่อไทย ทั้งมาตรฐานการดูแลผู้ต้องหา และคำสัญญาที่พูดไว้เพื่อเรียกคะแนนกับคนรุ่นใหม่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ไหนๆ ก็เป็นรัฐบาลแล้ว อย่าให้เสียของ ใช้อำนาจที่พอมีขยับให้สังคมไทยก้าวหน้าในเชิงโครงสร้างไปอีกนิดดีกว่าไม่ขยับไปไหนเลย
ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้มีรัฐมนตรีลาออกอีกแล้ว ในทางการเมืองอาจไม่ได้ทำให้เห็นรอยร้าวของรัฐบาลเศรษฐา แต่ภาพลักษณ์ด่างพร้อยย่อมเกิดขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ขณะที่ผีจำนำข้าวยังตามหลอกหลอนรัฐบาลเพื่อไทยกับดราม่าข้าว 10 ปี ที่ตกลงแล้วกินได้หรือไม่ยังไม่รู้ แต่ที่รู้คือรัฐบาลบอกว่าคนไทยจะไม่ได้กิน
การเมืองหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเฉลยตัวละครและความสัมพันธ์ทางอำนาจหลายอย่างให้กระจ่างชัดมากขึ้นเสมอ ในการปรับ ครม. เศรษฐาครั้งแรกนี้ก็เช่นกัน ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็จัดงาน ‘10 เดือนไม่รอ ทำต่อให้เต็ม10’ ตอกย้ำผลงานรัฐบาลหลังตัดสินใจตั้งรัฐบาลผสม นี่คืองานใหญ่หลังการปรับ ครม. ซึ่งทำให้เราเห็นบทบาทและทิศทางของรัฐมนตรีหน้าใหม่หลายท่าน
การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลเศรษฐาครั้งแรกยังวิ่งกันไม่หยุดแม้โผจะเริ่มนิ่งแต่ยังมีคนวิ่งจนนาทีสุดท้าย ทักษิณตั้ง เศรษฐาปลด ยิ่งเด่นชัดในกระแสปรับ ครม. การเดินทางไปกินข้าวกลางวันของนายกฯ เศรษฐา กับอดีตนายกฯ ทักษิณ คือการสื่อสารที่ชัดเจนของโมเดลการบริหารประเทศ-บริหารอำนาจของรัฐบาลปัจจุบันที่เหมือนจะคล้ายโมเดลลุงตู่-ลุงป้อม แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ติดตามและร่วมวิเคราะห์ไปพร้อมกันได้ในวันที่ 27 เมษายนนี้ เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป
รัฐบาลเศรษฐาทำงานไปได้ 7 เดือน มีการขยับปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) กันแล้ว แม้ตอนนี้ฝุ่นยังตลบแต่แหล่งข่าวระดับสูงยืนยันว่าปรับแน่นอน ขณะที่เศรษฐาก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่ต้องวิ่งเต้น ผลงานจะเป็นทั้งเกราะป้องกันและบันไดให้อยู่ในตำแหน่ง มองในแง่มุมทางการเมือง การปรับ ครม. ครั้งนี้สะท้อนการแบ่งแยกอำนาจนำในการตัดสินใจระหว่างทักษิณกับเศรษฐา คนหนึ่งอาจชี้นำแต่งตั้งรัฐมนตรีได้ แต่อำนาจการประเมินผลงานเพื่อปรับ ครม. อยู่ที่เศรษฐา
พรรคฝ่ายค้านใช้เวทีอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อ ครม. โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล 6 เดือน สาระที่สะเทือนรัฐบาลที่สุดคือการเจาะลึกแฉข้อมูลเครือข่ายธุรกิจสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีทรัพยากรของไทย ทั้งไฟฟ้าและน้ำมันส่งข้ามไป พร้อมเปิดข้อมูลเจ้าของคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านที่นายตำรวจและผู้มีอิทธิพลไทยเป็นเจ้าของ รวมถึงเปิดข้อมูลการเช่าพื้นที่ของกองทัพเรือ ซึ่งทุกคนรู้ดีว่ากองทัพคือจุดอ่อนสำคัญที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่กล้าแตะ
ไม่ได้กลับบ้านมาเลี้ยงหลานแน่ๆ สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่พักโทษก็เดินสายไปเชียงใหม่ ตัดผมโชว์ร่างกายที่ไร้อุปกรณ์ทางการแพทย์ ก่อนที่ถัดไปจะเดินทางเยือนที่ทำการพรรคเพื่อไทย พร้อมบอกกับ สส. ด้วยว่าจะลงพื้นที่พบประชาชน ดีลทักษิณกลับบ้านต้องแลกกับอะไรบ้างยังมีหลายทฤษฎี แต่จังหวะก้าวเดินแบบนี้ชัดเจนว่ากลับมาครั้งนี้มีหนึ่งภารกิจสำคัญคือพาพรรคเพื่อไทยพิชิตพรรคก้าวไกล
การเมืองขุ่นมัวไม่แพ้ฝุ่นควันที่ปกคลุมประเทศไทย ปรากฏการณ์ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านเชียงใหม่ที่เหมือนเป็นการลงพื้นที่ตรวจราชการมากกว่ากลับบ้าน มีทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี นายกฯ ปัจจุบัน และแคนดิเดตนายกฯ มารวมตัวกันที่เชียงใหม่พร้อมหน้า เรื่องนี้ในภาพรวมไม่เป็นผลดีกับนายกฯ เศรษฐา เพราะย้ำความเชื่อของคนว่าใครคือนายกฯ ตัวจริง ขณะที่ฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลอภิปรายถล่มการทำงบประมาณรัฐบาล โดยเฉพาะการสิ้นเปลืองปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและเช่ารถประจำตำแหน่ง ทั้งความเชื่อของคนเรื่องนายกฯ ตัวจริง และการอภิปรายของฝ่ายค้านคือเสียงที่ไม่อยากได้ยิน ซึ่งเศรษฐาเคยบอกไว้ว่าคนเป็นผู้นำต้องฟังเสียงนี้
คณะกรรมการ​การเลือกตั้ง​ (กกต.)​ มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล แล้วตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคจากกรณีก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่าการกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเมืองไทยก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไร ใครจะเสื่อม ใครจะอาจหาญผงาด
ดีลทักษิณกลับไทยสำเร็จไปพร้อมการตั้งรัฐบาลพิเศษที่นำโดย เศรษฐา ทวีสิน สิ่งที่ทุกคนคาดหมายก็กำลังจะเกิดขึ้นคือดีลพา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างปูทางให้ยิ่งลักษณ์กลับบ้านไว้แล้ว ขณะที่เกมการเมืองในสภาก็ปะทะกันหนักระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย รวมถึงการเลือก สว. ชุดใหม่ หลัง สว. ชุดปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้
Comments