DiscoverGeek Forever’s Podcast
Geek Forever’s Podcast
Claim Ownership

Geek Forever’s Podcast

Author: tharadhol

Subscribed: 182Played: 5,619
Share

Description

Business x Technology x Inspirational Stories by ด.ดล Blog
1500 Episodes
Reverse
ถ้าคุณมีเงินอยู่หนึ่งพันล้านดอลลาร์ หรือประมาณสามหมื่นกว่าล้านบาท คุณจะกล้าเอาเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้มา “เผาทิ้ง” ภายในเวลาไม่กี่ปีเพียงเพื่อแจกให้คนอื่นใช้ฟรี ๆ ไหม ฟังดูเป็นเรื่องที่บ้าบิ่นและขัดต่อหลักการทำธุรกิจที่ควรจะสร้างกำไรตั้งแต่วันแรก แต่เชื่อหรือไม่ว่า นี่คือกลยุทธ์ที่ทำให้แอปพลิเคชันหนึ่งที่ชื่อว่า Shopee สามารถล้มยักษ์ใหญ่และก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในภูมิภาค Southeast Asia ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ วันนี้เราจะมาแกะรอยวิธีคิดเบื้องหลังสงครามราคาที่ดุเดือดที่สุด และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เมื่อสงครามจบลง ใครกันแน่ที่เป็นผู้รับภาระความเสียหายที่แท้จริง เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Shopee #ขายของออนไลน์ #แม่ค้าออนไลน์ #ธุรกิจ #การตลาด #อีคอมเมิร์ซ #เศรษฐกิจ #SME #ข่าวธุรกิจ #กลยุทธ์ธุรกิจ #ความรู้ธุรกิจ #เตือนภัย #แพลตฟอร์มออนไลน์ #ShopeeThailand #พ่อค้าออนไลน์ #geekstory #geekforeverpodcast
ถ้าผมถามว่า “ใครคือเจ้าตลาดรถยนต์ญี่ปุ่น” คำตอบแรกที่แวบเข้ามาในหัวของพวกเราคงหนีไม่พ้น Toyota พี่ใหญ่ที่ครองบัลลังก์มาอย่างยาวนาน หรือถ้าให้นึกถึงอันดับสองและสาม ชื่อของ Nissan และ Honda ก็คงเป็นชื่อที่พวกเราคุ้นเคยกันดี เราเติบโตมากับภาพจำที่ว่า Honda คือแบรนด์รถยนต์มหาชน เป็นรถที่วัยรุ่นขับแล้วดูเท่ เป็นรถครอบครัวที่ไว้วางใจได้ และเป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำหน้าเสมอ แต่วันนี้ ผมมีเรื่องที่น่าตกใจจะมาเล่าให้ฟังครับ ภาพจำที่เราเคยเชื่อมั่นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา มันกำลังจะเปลี่ยนไป ลองจินตนาการดูครับว่า บริษัทที่เคยเป็น “Top 3” ของญี่ปุ่น อย่าง Honda ตอนนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จนมีความเสี่ยงสูงมากที่จะร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 4 ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิด อันดับที่ 4 แล้วใครล่ะที่แซงหน้าขึ้นมา? ไม่ใช่ Mazda ที่ทำรถสวยแต่ขายดีแค่บางที่ ไม่ใช่ Subaru ที่มีแฟนคลับเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นแบรนด์ที่เราอาจจะมองข้ามไป เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้ขายรถใน United States มานานเป็นสิบปีแล้ว และเป็นแบรนด์ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นรถเล็ก ราคาประหยัด แบรนด์นั้นคือ Suzuki เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขายรถที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามปกติ แต่มันคือกรณีศึกษาทางธุรกิจที่น่าสนใจมาก ว่าด้วยเรื่องของการวางกลยุทธ์ การพึ่งพาห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain และการเลือกสมรภูมิรบที่ถูกต้อง ทำไม Honda ถึงกำลังเพลี่ยงพล้ำ? ทำไม Suzuki ถึงผงาดขึ้นมาได้ทั้งที่ไม่มีสินค้าหรูหราไฮเทคเท่าคู่แข่ง? และวิกฤตครั้งนี้มันร้ายแรงขนาดไหน วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันครับ เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Honda #Suzuki #ข่าวรถยนต์ #ตลาดรถยนต์ #วิเคราะห์ธุรกิจ #ยานยนต์ #HondaCivic #HondaCRV #HondaOdyssey #SuzukiIndia #วิกฤตชิป #รถญี่ปุ่น #ข่าวเศรษฐกิจ #อุตสาหกรรมยานยนต์ #รถยนต์ใหม่2025 #เรื่องรถ #รอบรู้เรื่องรถ #HondaThailand #IntegraTarga #geektalk #geekforeverpodcast
Hertz บริษัทให้เช่ารถยนต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลก ที่เพิ่งจะพยุงตัวให้รื้ฟื้นจากภาวะล้มละลายไปได้ไม่นาน แต่กลับมาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้ง ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการตัดสินใจขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จำนวนมากถึง 30,000 คันอย่างเร่งด่วน คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น? นี่คือการล้มเหลวครั้งที่สองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ Hertz อย่างนั้นหรือ? และทำไมการเดิมพันครั้งใหญ่นี้ถึงได้พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Hertz #HertzEV #HertzTesla #รถเช่า #รถยนต์ไฟฟ้า #รถEV #วิกฤตธุรกิจ #ค่าเสื่อมราคา #Tesla #ธุรกิจรถเช่า #RangeAnxiety #การลงทุน #ข่าวธุรกิจ #ธุรกิจยานยนต์ #geekstory #geekforeverpodcast
การล่มสลายของ BenQ-Siemens ภายในเวลาเพียง 9 เดือนหลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นผลมาจากหลายปัจจัยเชิงกลยุทธ์ การดำเนินงาน และวัฒนธรรมองค์กร เรื่องราวของ BenQ-Siemens จึงเป็น บทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความเสี่ยงและความท้าทายในการควบรวมกิจการข้ามชาติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพสามารถทำลายธุรกิจที่มีศักยภาพสูงได้ เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #BenQSiemens #BenQ #Siemens #มือถือในตำนาน #ประวัติศาสตร์มือถือ #โทรศัพท์มือถือ #การร่วมทุน #ธุรกิจล้มเหลว #กรณีศึกษาธุรกิจ #RealMadrid #Galacticos #มือถือยุค2000 #เทคโนโลยี #ย้อนอดีต #ยุค90 #geekstory #geekforeverpodcast
เคยสงสัยไหมว่า ในโลกของการลงทุน อะไรคือเกณฑ์ตัดสินมูลค่าของบริษัทหนึ่งกันแน่ คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ “กำไร” และ “การเติบโต” แต่ถ้าเราลองกางตัวเลขของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในปี 2025 ดู เราจะพบกับความย้อนแย้งที่น่าเหลือเชื่อ จนอาจต้องตั้งคำถามกับตำราเศรษฐศาสตร์ที่เคยเรียนมา เรื่องราวนี้มีตัวละครเอกอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือ BYD ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่เวลานี้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายมากที่สุดในโลก อีกฝั่งหนึ่งคือ Tesla ผู้บุกเบิกจากสหรัฐอเมริกา ที่ครั้งหนึ่งเคยไร้คู่ต่อกร ภาพตัดมาที่ปี 2025 บนกระดานคะแนนยอดขาย BYD กำลังทิ้งห่าง Tesla แบบไม่เห็นฝุ่น ในครึ่งปีแรก BYD ขายรถไปได้ถึง 2.15 ล้านคัน ในขณะที่ Tesla ทำได้เพียง 0.78 ล้านคัน ถ้ามองทั้งปี 2024 ที่ผ่านมา BYD กวาดไประดับ 4.2 ล้านคัน มากกว่า Tesla ถึง 2 เท่าตัว แถมรายได้รวมของ BYD ก็แซงหน้า Tesla ไปแล้วถึง 26,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าดูแค่บรรทัดนี้ ใครๆ ก็คงคิดว่า BYD คือผู้ชนะที่แท้จริง และน่าจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกยานยนต์ แต่ความเป็นจริงกลับตาลปัตร ในตลาดหุ้น มูลค่าบริษัท หรือ Market Cap ของ Tesla กลับยืนตระหง่านอยู่ที่ระดับ 1.43 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ BYD มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 130 ถึง 150 พันล้านดอลลาร์ ตัวเลขนี้บอกอะไรเรา มันบอกว่า นักลงทุนให้ค่า Tesla มากกว่า BYD ถึง 7 ถึง 10 เท่า ทั้งที่ขายรถได้น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของความลำเอียง หรือความเชื่อมั่นในตัวบุคคลอย่าง Elon Musk เพียงอย่างเดียว แต่มันคือเรื่องของ “ปรัชญาการทำธุรกิจ” ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ราวกับเป็นคนละศาสนา วันนี้เราจะมาแกะรอยวิธีคิดของสองมหาอำนาจนี้ ว่าทำไมบริษัทหนึ่งถึงเน้นขายแพงเพื่อเอากำไร ในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งยอมเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อยึดครองโลก และบทสรุปของสงครามครั้งนี้ จะจบลงที่ตรงไหน เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Tesla #BYD #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #การลงทุน #หุ้นต่างประเทศ #ธุรกิจ #Technology #ElonMusk #ChinaEV #USStock #เศรษฐกิจโลก #รถจีน #ยานยนต์ไฟฟ้า #วิเคราะห์หุ้น #BusinessCase #StartUp #Innovation #FutureOfMobility #geekmonday #geekforeverpodcast
เคยสงสัยไหมว่า ในโลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดอย่างวงการสมาร์ตโฟน ใครคือราชาที่แท้จริง? ถ้าเราวัดกันที่ “กำไร” คำตอบนั้นชัดเจนมาตลอดว่าเป็น Apple แต่ถ้าเราวัดกันที่ “จำนวนเครื่อง” หรือยอดขายรวมทั่วโลก คำตอบตลอด 14 ปีที่ผ่านมา คือ Samsung ย้อนกลับไปในปี 2011… ปีนั้นเป็นปีที่โลกเทคโนโลยีเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สตีฟ จอบส์ จากเราไป และเป็นปีที่ Samsung ตัดสินใจเดินเกมรุกครั้งสำคัญด้วยการปล่อย Galaxy S II ออกมาตีตลาด จนสามารถโค่นแชมป์เก่าอย่าง Nokia (โนเกีย) และครองอันดับ 1 ในแง่ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนได้สำเร็จ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่า iPhone จะขายดีแค่ไหน แต่ด้วยราคาที่สูงลิ่ว ทำให้ยอดขายรวมเชิงปริมาณของ Apple ไม่เคยเอาชนะกองทัพมือถือของ Samsung ที่มีตั้งแต่รุ่นราคาไม่กี่พันบาทไปจนถึงรุ่นเรือธงได้เลย ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา Samsung คือ “King of Volume” หรือราชาแห่งปริมาณ ส่วน Apple คือ “King of Value” หรือราชาแห่งมูลค่า คนในวงการวิเคราะห์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “Apple ไม่มีทางแซง Samsung ในแง่จำนวนเครื่องได้” เพราะโครงสร้างราคามันต่างกันเกินไป แต่แล้ว… ปี 2025 ก็มาถึง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อข้อมูลล่าสุดจาก Counterpoint Research บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลชั้นนำระดับโลก ได้เปิดเผยตัวเลขที่ทำให้ผู้บริหารในเกาหลีใต้ต้องนั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะปีนี้ จะเป็นปีแรกในรอบ 14 ปี ที่ Apple จะมียอดส่งมอบสมาร์ตโฟน “แซงหน้า” Samsung อย่างเป็นทางการ เกิดอะไรขึ้นในปี 2025? ทำไมกลยุทธ์ที่ Samsung ใช้ป้องกันแชมป์มาตลอดทศวรรษถึงพังทลายลง? และ iPhone 17 ที่เพิ่งเปิดตัวไป มีความลับอะไรซ่อนอยู่? เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Apple #Samsung #iPhone17 #ไอโฟน17 #ข่าวไอที #ธุรกิจ #การตลาด #สมาร์ตโฟน #iPhone17Series #เทคโนโลยี #วิเคราะห์ธุรกิจ #AppleVSsamsung #ข่าวมือถือ #iPhone17e #เศรษฐกิจโลก #geekdaily #geekforeverpodcast
ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเราครองตำแหน่ง “พี่ใหญ่” ในวงการยานยนต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาโดยตลอด เราผลิตรถยนต์ได้มากที่สุด ส่งออกได้มากที่สุด จนได้รับฉายาที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยได้ยินว่า “Detroit of Asia” แต่คำถามที่น่าสนใจในวันนี้คือ… บัลลังก์ที่เรานั่งอยู่นี้ มันยังแข็งแรงเหมือนเดิมจริงหรือเปล่า? เพราะในขณะที่เรากำลังภูมิใจกับอดีต โลกข้างนอกกำลังหมุนเปลี่ยนไปเร็วกว่าที่คิด เพื่อนบ้านอย่าง “อินโดนีเซีย” กำลังจ้องจะแย่งตำแหน่งนี้ด้วยอาวุธลับที่พวกเขามี และมหาอำนาจใหม่อย่าง “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ EV (Electric Vehicle) ก็กำลังเข้ามาล้างไพ่กระดานนี้ใหม่ทั้งหมด พอดแคสต์ EP นี้จะชวนคุยเบื้องลึกเบื้องหลัง ว่าทำไมไทยถึงเคยยิ่งใหญ่ แล้วทำไมวันนี้เราถึงต้องกังวล และสุดท้าย เราจะรอดจากศึกครั้งนี้ไปได้อย่างไร เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #เศรษฐกิจไทย #ธุรกิจ #การลงทุน #อินโดนีเซีย #อุตสาหกรรมยานยนต์ #ฐานการผลิต #ข่าวเศรษฐกิจ #BYD #ความรู้ธุรกิจ #GeekStory #สาระน่ารู้ #การเงิน #อาเซียน #geektalk #geekforeverpodcast
เคยสังเกตไหมครับว่า โลกของเทคโนโลยีที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยกฎเพียงข้อเดียว กฎที่โหดร้ายแต่เรียบง่ายที่สุด นั่นคือ “Winner-takes-all” หรือ “ผู้ชนะกินรวบ” ลองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์กันสักนิด หากเราพูดถึงช่วงปลายทศวรรษ 1990 ชื่อเดียวที่ครองโลกคอมพิวเตอร์คือ Microsoft กับระบบปฏิบัติการ Windows ที่ผูกขาดแทบทุกบ้าน พอเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต Google ก็ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าพ่อแห่งการค้นหาข้อมูลแบบไร้คู่แข่ง หรือถ้าเราจะซื้อของออนไลน์ Amazon ก็กลายเป็นราชาแห่งอีคอมเมิร์ซ และแน่นอนว่าถ้าพูดถึงโซเชียลมีเดีย Meta ก็แผ่อาณาจักรไปทั่วโลก รูปแบบมันเป็นแบบนี้เสมอมาครับ ผู้ที่มาถึงก่อน ผู้ที่ทำได้ดีกว่า จะกวาดส่วนแบ่งตลาดไปเกือบทั้งหมด ทิ้งเศษเนื้อไว้ให้ผู้ตามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคของ Generative AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่บริษัทเดียว นั่นคือ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ที่เปิดตัวมาในช่วงปลายปี 2022 วินาทีนั้น ทุกคนต่างฟันธงว่า OpenAI นี่แหละ คือว่าที่ราชันองค์ต่อไป ที่จะขึ้นมา “กินรวบ” ตลาดนี้เหมือนที่รุ่นพี่เคยทำมา แต่เรื่องราวในโลกธุรกิจ ไม่เคยง่ายขนาดนั้นครับ สิ่งที่น่าสนใจคือ ความเชื่อมั่นที่เคยแข็งแกร่งดั่งหินผาของ OpenAI กำลังเริ่มปรากฏรอยร้าว รอยร้าวที่ไม่ได้เกิดจากศัตรูภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจาก “พันธมิตร” คนกันเองที่เริ่มปันใจ และคู่แข่งที่เคยหลับใหลเริ่มตื่นขึ้นมาทวงบัลลังก์คืน วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันครับว่า ทำไมบัลลังก์ของ OpenAI ถึงกำลังสั่นคลอน และเกมการเงินหลัก “ล้านล้านดอลลาร์” เบื้องหลังฉากหน้านี้ กำลังบอกอะไรเกี่ยวกับอนาคตของโลกเทคโนโลยี เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #OpenAI #ChatGPT #Anthropic #Gemini #Nvidia #หุ้นAI #ข่าวเศรษฐกิจ #ลงทุนต่างประเทศ #เทคโนโลยี #AI #Google #Microsoft #ฟองสบู่AI #วิเคราะห์หุ้น #ธุรกิจโลก #WarOfAI #TechNews #การเงินการลงทุน #geekdaily #geekforeverpodcast
เชื่อไหมครับว่า ครั้งหนึ่งเทคโนโลยีจอภาพที่เราเห็นกันจนชินตาในทุกวันนี้อย่าง OLED เคยถูกตราหน้าว่าเป็น “ทางตัน” ของวงการเทคโนโลยี ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2010… ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับทีวีจอแบน ยักษ์ใหญ่ทุกเจ้าในวงการอิเล็กทรอนิกส์ต่างส่ายหน้าให้กับ OLED มันเปราะบางเกินไป ต้นทุนสูงเกินไป และที่สำคัญที่สุดคือ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตออกมาขายในปริมาณมาก ใครจะบ้าพอที่จะซื้อทีวีเครื่องละ 300,000 บาท? ในยุคที่ข้าวจานละ 30 บาท บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกต่างถอยทัพ พับโครงการนี้เก็บเข้าลิ้นชัก… ยกเว้นบริษัทเดียวจากเกาหลีใต้ที่ชื่อว่า “LG” ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ถอย แต่ยังทุ่มหมดหน้าตัก เดิมพันอนาคตของบริษัทไว้กับเทคโนโลยีที่ใครๆ ก็บอกว่า “เจ๊งแน่ๆ” แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน… LG กลายเป็นผู้ครองตลาด OLED เกินครึ่งโลก และที่น่าตลกคือ แม้แต่คู่แข่งตลอดกาลอย่าง Samsung หรือ Sony ก็ยังต้องก้มหัวเดินมาขอซื้อจอจาก LG ไปใส่ในทีวีของตัวเอง เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น? LG มองเห็นอะไรที่คนอื่นมองข้าม? และทำไมการเดิมพันครั้งนี้ ถึงเป็นหนึ่งใน Business Case ที่น่าศึกษาที่สุดในวงการเทคโนโลยี เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ  
รู้ไหมครับว่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ถ้าเราพูดถึงคำว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึงแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ใช่ชื่อของผู้สร้าง AI อย่าง OpenAI เสมอไป แต่กลับเป็นชื่อของคนขายอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในสงครามครั้งนี้ นั่นคือ Nvidia เราอยู่ในยุคที่ Nvidia เปรียบเสมือนเจ้าของบ่อน้ำมันเพียงผู้เดียวในโลกที่รถยนต์ทุกคันต้องวิ่งเข้ามาเติม ชิปประมวลผลกราฟิกหรือ GPU ของพวกเขา กลายเป็นทองคำยุคใหม่ที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างแย่งชิงกัน ไม่ว่าราคาจะแพงแค่ไหน หรือต้องรอสินค้านานเท่าไหร่ ทุกคนก็ยอมจ่าย ภาพจำที่เราเห็นจนชินตาคือ Jensen Huang ซีอีโอเสื้อหนังสีดำ ผู้พาบริษัทก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยมูลค่าบริษัทระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า “ถ้าคุณจะทำ AI คุณต้องใช้ชิปของ Nvidia เท่านั้น” เพราะเขามีสิ่งที่เรียกว่า CUDA ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางซอฟต์แวร์ที่แข็งแกร่ง จนทำให้คู่แข่งรายอื่นเจาะไม่เข้า แต่คำถามที่น่าสนใจในวันนี้คือ ยุคสมัยแห่งการผูกขาดนั้น กำลังจะสิ้นสุดลงหรือเปล่า เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Nvidia #Google #หุ้นอเมริกา #การลงทุน #เทคโนโลยี #AI #ชิปAI #หุ้นเทค #ธุรกิจโลก #DataCenter #JensenHuang #OpenAI #Alphabet #หุ้นต่างประเทศ #ข่าวไอที #เศรษฐกิจโลก #สงครามการค้า #นวัตกรรม #DigitalTransformation #StockMarket #geekdaily #geekforeverpodcast
Toyota คือผู้เล่นรายแรกที่ทุ่มสุดตัวให้กับรถยนต์ไฮบริด พวกเขาเป็นผู้บุกเบิกกระแสยานยนต์สะอาดด้วย Prius แต่เมื่อโลกเริ่มเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles หรือ EV) ทำไม Toyota ถึง… ยังคงมุ่งมั่นผลิตรถไฮบริดต่อไป? เกิดอะไรขึ้น? โลกของเราควรจะมุ่งหน้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า 100% ไม่ใช่หรือ? แต่สิ่งที่ Toyota ทำนั้นกลับสมเหตุสมผล และมันสมเหตุสมผลที่สุดในโลก ทำไม Toyota ถึงก้าวอย่างช้าๆ ในสนามแข่ง EV และทำไมกลยุทธ์นั้นอาจจะเป็นการเดินหมากที่ชาญฉลาด ทำไมพวกเขาถึงเพิ่มการเดิมพันเป็นสองเท่าในรถไฮบริด และทางเลือกนั้นสอดคล้องกับปรัชญา “Human-first” ของพวกเขาอย่างไร ซึ่งเป็นการสร้างเทคโนโลยีไม่ใช่เพื่อตามกระแส แต่เพื่อแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Toyota #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #รถไฮบริด #AkioToyoda #ธุรกิจ #การตลาด #วิเคราะห์ธุรกิจ #ยานยนต์ #Tesla #ความรู้ธุรกิจ #รถยนต์ #เศรษฐกิจ #เทคโนโลยี #Prius #geektalk #geekforeverpodcast
เคยสงสัยไหมครับว่า แบรนด์รถยนต์แบรนด์หนึ่งที่เคยยิ่งใหญ่ระดับตำนาน เคยเป็นรถคู่ใจของราชินี Queen Elizabeth II (ควีน เอลิซาเบธ ที่ 2) หรือแม้แต่ราชาเพลงร็อกอย่าง Elvis Presley (เอลวิส เพรสลีย์) จู่ๆ วันหนึ่งกลับล้มดังครืนจนเหลือมูลค่าเพียงแค่เศษเงิน โรงงานที่เคยมีเสียงเครื่องจักรดังกระหึ่ม กลับเงียบสงัด พนักงานกว่า 6,000 คน เดินคอตกออกจากโรงงานพร้อมน้ำตา หนี้สินก้อนโตกว่า 1 พันล้านปอนด์ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ในปี 2005 หลายคนบอกว่า นี่คือจุดจบของ MG หรือ Morris Garages แบรนด์รถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษที่คนทั่วโลกรัก แต่ใครจะไปเชื่อครับว่า ผ่านไปไม่ถึง 20 ปี แบรนด์ที่ถูกตราหน้าว่า “ตายไปแล้ว” แบรนด์นี้ จะกลับมาผงาดอีกครั้งในฐานะผู้เล่นคนสำคัญของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป และมียอดขายถล่มทลายทั่วโลก การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการวางหมากทางธุรกิจที่แยบยล การเปลี่ยนผ่านมือเจ้าของจากอังกฤษสู่จีน และการเดิมพันครั้งใหญ่กับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เรื่องราวการล่มสลายและการเกิดใหม่ของ MG มีบทเรียนทางธุรกิจอะไรซ่อนอยู่ ทำไมกลุ่มทุนจีนถึงกล้าซื้อ “ซากปรักหักพัง” ในวันที่ไม่มีใครเอา และพวกเขาเปลี่ยนแบรนด์โบราณให้กลายเป็นผู้นำเทคโนโลยีได้อย่างไร เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #MG #MGCars #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #รถEV #ธุรกิจ #กรณีศึกษา #ประวัติศาสตร์ #รถยนต์ #SAIC #MGThailand #ยานยนต์ #รถจีน #รถอังกฤษ #Cyberster #MG4 #MGZSEV #BusinessCase #Marketing #Tech #geektalk #geekforeverpodcast
เคยมีคำถามหนึ่งที่ถูกถามกันหนาหูในโลกการลงทุนเมื่อไม่กี่ปีก่อน คำถามที่ว่านั้นคือ “Google กำลังจะกลายเป็นผู้แพ้ในยุค AI หรือไม่” ลองจินตนาการดู บริษัทที่เป็นเจ้าของ Search Engine ที่คนทั้งโลกใช้ บริษัทที่มีข้อมูลมหาศาลที่สุดในมือ บริษัทที่เป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีเบื้องหลัง AI สมัยใหม่แทบทั้งหมด กลับกลายเป็นบริษัทที่ดูเหมือนจะ “ตกขบวน” ทันทีที่ ChatGPT เปิดตัวเมื่อ 3 ปีก่อน ในช่วงเวลานั้น โลกเทคโนโลยีไม่ได้ตื่นเต้นกับ Google อีกต่อไป สายตาของนักลงทุนและผู้ใช้งานจับจ้องไปที่ OpenAI และ Microsoft ความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในหมู่นักลงทุน ความกังวลว่าธุรกิจค้นหาข้อมูลที่เป็นหัวใจหลักของ Google กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Chatbot ราคาหุ้นที่เคยพุ่งทยาน กลับดูไร้ทิศทาง นักวิเคราะห์ใน Wall Street บางคนถึงกับใช้คำแรงๆ ว่า Google อาจจะกลายเป็น “AI Roadkill” หรือ “ซากศพข้างทางในยุค AI” สถานการณ์ดูเหมือนจะมืดมน ผู้บริหารระดับสูงอย่าง Sundar Pichai ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล บริษัทพยายามปล่อยโมเดล AI ออกมาสู้ แต่ก็ดูเหมือนจะยัง “ไม่โดน” ยังไม่ดีพอที่จะหยุดกระแสของคู่แข่งได้ จนกระทั่งมาถึงสัปดาห์นี้ สัปดาห์ที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป สัปดาห์ที่ Google ประกาศศักดาว่า ราชันย์ได้ตื่นจากการหลับใหลแล้ว เรื่องราวการพลิกฟื้นคืนชีพของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เบื้องหลังการพัฒนาโมเดลลับที่ชื่อว่า Gemini 3 มีอะไรซ่อนอยู่ และทำไมการกลับมาครั้งนี้ ถึงทำให้ Google มีมูลค่าบริษัทแซงหน้า Microsoft ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Google #Gemini #Gemini3 #AI #ChatGPT #ArtificialIntelligence #TechNews #ข่าวไอที #หุ้นGoogle #GOOGL #เทคโนโลยี #ปัญญาประดิษฐ์ #ธุรกิจ #การลงทุน #DigitalTransformation #NanoBanana #GoogleSearch #TechReview #สาระไอที #geekstory #geekforeverpodcast
เคยสงสัยไหมว่า ทำไม iPhone ที่เราถืออยู่ในมือ ถึงต้องเขียนว่า “Assembled in China” ทั้งที่ Apple เป็นบริษัทอเมริกัน หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเพราะ “ค่าแรงถูก” ใช่ไหม ใช่ ส่วนหนึ่งมันคือเรื่องจริง ถ้าเราดูตัวเลขค่าแรงต่อชั่วโมงของคนงานประกอบ iPhone ในจีน จะอยู่ที่ประมาณ 3.63 ดอลลาร์ ในขณะที่ถ้าเป็นคนงานในอเมริกา ค่าแรงจะกระโดดไปอยู่ที่ราวๆ 17 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ต่างกันเกือบ 5 เท่า ฟังดูเหมือนเยอะ แต่เชื่อไหมว่า ในการประกอบ iPhone รุ่นใหม่ๆ หนึ่งเครื่อง อย่างเช่น iPhone 16 Pro ใช้เวลาประกอบรวมๆ แล้วแค่ประมาณ 11 ชั่วโมงเท่านั้น นั่นหมายความว่า ต้นทุนแรงงานจริงๆ สำหรับ iPhone หนึ่งเครื่อง มันอยู่แค่ประมาณ 40 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นแค่ 4% ของราคาขายที่เราซื้อกันเป็นแสน เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Apple #iPhone #ธุรกิจ #การตลาด #เศรษฐกิจจีน #Foxconn #เทคโนโลยี #สงครามการค้า #ข่าวรอบโลก #สาระธุรกิจ #TimCook #การผลิต #SupplyChain #ความรู้รอบตัว #วิเคราะห์ข่าว #MadeInChina #AppleChina #ย้ายฐานการผลิต #สมาร์ทโฟน #GeekStory #geekstory #geekforeverpodcast
เคยมีคนบอกว่า “ถ้าเราได้ทำงานในสิ่งที่รัก เราจะไม่ต้องทำงานเลยสักวันในชีวิต” ประโยคนี้ฟังดูเป็นอุดมคติที่สวยหรู และสำหรับคนยุคใหม่ การ “เล่นเกม” ก็คือสิ่งที่รักอันดับต้นๆ ลองจินตนาการดูสิครับว่า ถ้าเราตื่นเช้ามา นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกม แล้วมีเงินโอนเข้าบัญชีมากพอที่จะเลี้ยงชีพได้ หรือเผลอๆ อาจจะทำให้เรารวยได้เลย มันจะดีแค่ไหน? แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่มันเคยเกิดขึ้นจริง และสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกการเงินมาแล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อที่เรียกว่า Play to Earn แต่ทำไม… สวรรค์ของนักเล่นเกมที่ดูเหมือนจะยั่งยืนนี้ จู่ๆ ก็พังทลายลง? ทำไมเกมดังๆ ที่เคยมีมูลค่าเหรียญพุ่งทะยานไปแตะดวงจันทร์ ถึงร่วงลงมาสู่พื้นดินจนแทบไม่เหลือมูลค่า? วันนี้ผมจะพาไปถอดบทเรียน เจาะลึกถึงโครงสร้าง และ “กับดัก” ทางการเงินและจิตวิทยา ที่ทำให้โมเดล Play to Earn แบบเดิม “ไปไม่รอด” พร้อมกับคำตอบว่า อนาคตของวงการนี้จะต้องเปลี่ยนไปอย่างไรถึงจะยั่งยืนได้จริง เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #GameFi #PlayToEarn #NFTGame #Crypto #Bitcoin #Blockchain #AxieInfinity #STEPN #Investment #Cryptocurrency #Metaverse #P2E #DigitalAsset #Money #Business #Economy #Tech #Gaming #Finance #Knowledge #geekmonday #geekforeverpodcast
เชื่อไหมครับว่า ครั้งหนึ่งโลกของชิปคอมพิวเตอร์เคยอยู่ในกำมือของบริษัทญี่ปุ่น และชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Nikon ลองย้อนเวลากลับไปในปี 2001 ในยุคนั้น Nikon เปรียบเสมือน “โชกุน” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการผลิตชิป พวกเขาครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องจักรที่เรียกว่า Lithography หรือเครื่องพิมพ์ลายวงจรบนชิป อยู่ถึงเกือบ 40% ของทั้งโลก ไม่ว่าคุณจะหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นไหนขึ้นมาในยุคนั้น มีโอกาสสูงมากที่ชิปข้างในจะถือกำเนิดมาจากเครื่องจักรของ Nikon ภาพตัดมาที่ปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่นั้นกลับเลือนหายไปราวกับหมอกควัน ส่วนแบ่งตลาดของ Nikon ในธุรกิจนี้หดตัวลงเหลือเพียงประมาณ 7% เท่านั้น คำถามที่น่าสนใจคือ เกิดอะไรขึ้นกับยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดในยุค 90 ทำไมพวกเขาถึงร่วงหล่นลงมาได้ไกลขนาดนี้ เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Nikon #ASML #ผลิตชิป #Semiconductor #Lithography #เทคโนโลยี #หุ้นเทคโนโลยี #สงครามชิป #ความรู้ธุรกิจ #EUV #Nanoimprint #Chiplet #BusinessCase #นวัตกรรม #ญี่ปุ่น #การลงทุน #กรณีศึกษา #geekstory #geekforeverpodcast
เคยสังเกตกันไหมครับว่า เงินในบัญชีของเราทุกวันนี้ มันค่อย ๆ รั่วไหลออกไปทีละเล็กทีละน้อยแบบที่เราแทบไม่รู้ตัว เราตื่นเช้ามา ฟังเพลงผ่านบริการสตรีมมิง ดูหนังผ่านแอปพลิเคชัน สั่งของออนไลน์ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อให้ส่งฟรี แม้กระทั่งแปรงสีฟัน มีดโกนหนวด หรือไส้กรองน้ำ เดี๋ยวนี้ทุกอย่างกลายเป็นระบบ Subscription ไปหมดแล้ว ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่ใช้โมเดล Subscription นี้ เติบโตเร็วกว่าธุรกิจรูปแบบดั้งเดิมถึงเกือบ 4 เท่า มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ แต่เกิดจากการออกแบบที่แยบยล มีข้อมูลที่น่าตกใจจากฝั่งสหรัฐอเมริกาครับ ชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยเสียค่าบริการรายเดือนเหล่านี้สูงเกือบ 300 US Dollarหรือตีเป็นเงินไทยก็ราว ๆ หมื่นบาทต่อเดือน แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าตัวเลขนั้นคือ เมื่อถามคนส่วนใหญ่ว่า “คุณคิดว่าคุณจ่ายค่าสมาชิกพวกนี้เดือนละเท่าไหร่” คำตอบที่ได้มักจะต่ำกว่าความเป็นจริงไปถึง 100 US Dollar เสมอ นั่นแปลว่า เรากำลังประเมินรายจ่ายส่วนนี้น้อยเกินไป และเรากำลังจ่ายเงินให้กับสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้ใช้งานมันจริง ๆ ด้วยซ้ำ เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #ธุรกิจ #การตลาด #สาระความรู้ #Subscription #เทคโนโลยี #กรณีศึกษา #เตือนภัย #การเงิน #ความรู้รอบตัว #DigitalEconomy #บทเรียนราคาแพง #รถยนต์ไฟฟ้า #SaaS #กฎหมาย #ผู้บริโภค #geektalk #geekforeverpodcast
เคยได้ยินคำสัญญาที่หอมหวานที่สุดในโลกการเงินไหมครับ คำสัญญาที่บอกว่าสินทรัพย์อย่าง Bitcoin กำลังจะเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า “Supercycle” หรือวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ที่จะไม่มีวันจบสิ้น เราถูกกรอกหูมาตลอดว่า เป้าหมายที่ระดับราคา 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” มันคืออนาคตที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่แล้วในสัปดาห์นี้ ภาพฝันเหล่านั้นไม่ได้จบลงด้วยเสียงพลุเฉลิมฉลองครับ แต่มันจบลงด้วยเสียงเครื่องจักรที่พังทลาย และความเงียบงันของพอร์ตการลงทุนที่ตัวเลขสีแดงฉาน เมื่อ Bitcoin ร่วงดิ่งลงมาต่ำกว่าระดับ 90,000 ดอลลาร์ และลบผลกำไรที่สะสมมาตลอดทั้งปี 2025 หายไปจนหมดเกลี้ยง ตลาดการเงินกำลังบังคับให้เราต้องเผชิญหน้ากับความจริง ความจริงที่นักวิจารณ์หลายคนพยายามตะโกนบอกเรามาหลายปี แต่เราเลือกที่จะไม่ฟัง ความจริงที่ว่า หากปราศจากเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และปราศจากกระแสเก็งกำไรจากกฎระเบียบภาครัฐแล้ว “ราชาแห่งคริปโต” แทบจะไม่เหลืออะไรอยู่เลย เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Bitcoin #BTC #บิตคอยน์ #คริปโต #Crypto #Cryptocurrency #การเงิน #การลงทุน #เศรษฐกิจ #Fed #ทองคำ #ข่าวเศรษฐกิจ #เทรดคริปโต #วิเคราะห์กราฟ #นักลงทุน #ตลาดหุ้น #ETF #SmartMoney #Blockchain #DigitalAsset #ข่าววันนี้ #MoneyManagement #Trader #Investor #geekdaily #geekforeverpodcast
ผมเชื่อว่าในช่วงปีที่ผ่านมา ถ้าใครยังเล่นอินเทอร์เน็ตหรือไถฟีดโซเชียลมีเดียอยู่ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่เห็นโฆษณาสีส้มแสบตา พร้อมข้อความเชิญชวนที่ดูเหลือเชื่อ แท็บเล็ตราคา 99 บาท หูฟังไร้สาย , เสื้อผ้าแฟชั่น ราคาไม่ถึงร้อย แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า Temu สโลแกนของเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลังมากครับ “Shop like a billionaire” หรือ “ช็อปปิ้งเหมือนมหาเศรษฐี” เพราะด้วยราคาระดับนี้ คุณสามารถกดสั่งของสิบชิ้น ยี่สิบชิ้น ลงตะกร้าได้โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง เหมือนเรามีเงินเหลือใช้มหาศาล สิ่งที่น่าตกใจไม่ใช่แค่ราคา แต่คือ “ความเร็ว” ในการเติบโตครับ Temu เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2022 แต่ใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี สามารถกวาดผู้ใช้งานทั่วโลกไปแล้วกว่า 500 ล้านคน ในสหราชอาณาจักร ประชากร 1 ใน 4 มีแอปนี้อยู่ในมือถือ และในสหรัฐอเมริกา แอปนี้เคยขึ้นอันดับ 1 แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ในหมวดช็อปปิ้งมาแล้ว คำถามที่น่าสนใจคือ ภายใต้ฉากหน้าของสินค้าราคาถูกเหมือนแจกฟรี และการเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้ มันซ่อนอะไรไว้ ทำไมสินค้าชิ้นหนึ่งที่ต้องผ่านกระบวนการผลิต การขนส่งข้ามทวีป และการจัดจำหน่าย ถึงขายได้ในราคาที่ถูกกว่ากาแฟแก้วเดียว วันนี้เราจะมาแกะรอยเส้นทางการเงิน กลยุทธ์ทางจิตวิทยา และ “ต้นทุนแฝง” ที่ Temu ไม่เคยบอกคุณ และคุณอาจจะต้องจ่ายมันด้วยสุขภาพหรือข้อมูลส่วนตัวของคุณเอง เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Temu #รีวิวTemu #เตือนภัย #สั่งของออนไลน์ #สาระธุรกิจ #การตลาด #สินค้าจีน #อีคอมเมิร์ซ #รู้ทันกลโกง #ข่าวไอที #เทคโนโลยี #เศรษฐกิจ #ทริคการเงิน #ความรู้รอบตัว #แอปจีน #รีวิวของถูก #ช็อปปิ้ง #อุทาหรณ์ #geekstory #geekforeverpodcast
ถ้าเราลองย้อนเวลากลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โลกของเรากำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่เรียกว่า “อินเทอร์เน็ต” ในตอนนั้นบริษัทที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับโลกออนไลน์อย่าง Cisco Systems กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ทุกคนต่างแย่งกันซื้อหุ้น เทเงินมหาศาลลงไปเพราะเชื่อว่านี่คืออนาคต แต่แล้วเมื่อความคาดหวังวิ่งแซงความเป็นจริง สิ่งที่ตามมาคือการแตกของฟองสบู่ Dot-com ที่ทำให้นักลงทุนเจ็บตัวกันไปทั่วโลก ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน ปี 2024 ถึง 2025 โลกกำลังหมุนรอบบริษัทเดียวที่ชื่อว่า Nvidia ด้วยมูลค่าบริษัทที่พุ่งทะยานแตะระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ต้องบอกว่าเป็นตัวเลขที่มหาศาลจนแทบนึกภาพไมอก การเติบโตที่ก้าวกระโดดนี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่ที่ดังก้องไปทั่วตลาดทุนสหรัฐฯ หรือ Wall Street ว่า สิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่นี้ คือภาพซ้ำรอยของฟองสบู่ Dot-com หรือไม่ เรากำลังแห่กันลงทุนในสิ่งที่ยังมองไม่เห็นผลกำไรที่ชัดเจนในระยะยาวอยู่หรือเปล่า เม็ดเงินหลายแสนล้านที่ถูกถมลงไปในการสร้าง Data Centers ทั่วโลก จะคุ้มทุนเมื่อไหร่ หรือสุดท้ายแล้ว AI จะเป็นแค่ของเล่นราคาแพงที่คนเห่อกันแค่ชั่วคราว เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ #Nvidia #AI #หุ้นอเมริกา #JensenHuang #เทคโนโลยี #การลงทุน #หุ้นเทค #ฟองสบู่AI #ข่าวเศรษฐกิจ #หุ้นต่างประเทศ #DigitalTransformation #DataCenter #นวัตกรรม #หุ้นเปลี่ยนโลก #AnalystTalk #geekdaily #geekforeverpodcast
loading
Comments