Discover
Friendtalkative Podcast

1610 Episodes
Reverse
ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เราต้องลองเน้นย้ำก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น จงถามคนอื่นดูว่าอะไรที่ผิดพลาด ก่อนที่เราจะบอกว่าเขาพลาด"
- ผู้คนเน้นวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นมากกว่าตัวเราเอง เป็นเพราะสิ่งใด
- การตัดสินคนอื่น หรือตัดสินตนเอง มันเกิดจากอะไรกันแน่
- แล้วการที่เราพิจารณาความผิดพลาดนั้น มันคือความผิดพลาดจริงไหม
- เหมือนว่าเราต้องตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา ไม่ใช่จะเชื่อไปโดยขาดวิจารณญาณ
- ฝึกฝนที่จะขบคิด ในเรื่องราวต่าง ๆ วิจารณ์ได้แต่ต้องทบทวนตัวเองก่อน ว่าตัวเราเองเป็นเช่นไร
หนังสือ Capital and Ideology ของ Thomas Piketty
- ระบบทุนนิยมที่ว่าด้วยเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับอุดมคติมันจะพอเป็นไปได้ไหม
- การปิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน เราจะทำมันได้จริง ๆ ไหม แล้วทำอย่างไร
- ทั่วโลกมันไม่ได้แปลว่าจะมีประเทศที่ร่ำรวยอย่างเดียว แต่มันก็ย่อมมีประเทศที่ยากจนด้วย
- เรารู้กันอยู่แล้วว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว มักจะมีค่าการเติบโตของการค้าขายที่ต่ำกว่าประเทศเกิดใหม่
- สรุปแล้วเราจะมองว่า มนุษย์ ระบบ หรือว่าประเทศมีส่วนสำคัญให้ทรัพยากรโตขึ้น ซึ่งมันแล้วแต่คนจะมองด้วย
มีคนมาปรึกษาว่า ตอนนี้กำลังจะลาออกจากตำแหน่งงานระดับหัวหน้า ไปเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ จะดูล้มเหลวไหมครับแบบนี้ ตอนมาเป็นหัวหน้ารู้สึกว่าความสุขในชีวิตของตัวเองมันหายไปเยอะเลย กดดันสุด ๆ คุยกับใครก็ยาก ต่างกับตอนเป็นพนักงานเป็นปกติมันรู้สึกสบาย ๆ ไม่ต้องอะไรมาก
- ปัญหาทั้งหมดมันอยู่ที่ใจของเรา บางคนอยากได้เงินเดือนสูงขึ้นแต่ไม่ได้อยากมีความรับผิดชอบมากขึ้น
- ชีวิตคือสิ่งที่เราต้องถามตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต แล้วสิ่งที่ต้องการมันเป็นไปได้ไหม
- ความล้มเหลวในชีวิต ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหน้าที่การงานหรือว่าเงินในบัญชีใด ๆ เลย มันอยู่ที่ใจของเรา
- โอกาสที่เราจะเลื่อนขั้น เป็นโอกาสทั้งชีวิต เงิน และความรับผิดชอบ เราจึงต้องเตรียมใจยอมรับปัญหาต่าง ๆ ด้วย
- จงตามหาตัวเองให้เจอ เมื่อเราเจอตัวเองแล้วเราจะตอบได้ว่าบริบทใด จุดไหนของชีวิตที่สมมาตรกับใจเรามากที่สุด
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "นักออกแบบที่ดีที่สุดจะสามารถสร้างรูปแบบของผลลัพธ์ที่เป็นการทำซ้ำได้ด้วย อย่างแรกเลยคือให้นึกถึง คน 3 คนที่สามารถออกแบบทั้งแรงจูงใจและบทลงโทษให้สมกับแต่ละคน หลังจากนั้นให้อีกคนมาแทนที่อีกคน เพื่อที่จะหลอมรวมความคิดของผลิตภัณฑ์ ผู้คน และการเงินเข้าด้วยกันอีกทีนึง โดยจะทำแบบนี้เป็นเดือน เป็นรอบไตรมาส ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์นั้น ๆ ต่อไป แล้วให้เขาได้ตัดสินใจเลือกเอง"
- ภาพที่ออกแบบจะนำมาเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถเห็นผลลัพธ์ว่าเราควรเลือกอะไรให้ดีที่สุด
- เมื่อเราไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ของทางเลือกหนึ่งได้ เราจึงต้องสร้างเครื่องจักรสังหารมาช่วยเหลือตรงนี้
- ชีวิตที่ดีที่สุดคือ ชีวิตที่พยายามขวนขวายหากระบวนการสร้างที่สมบูรณ์ที่สุด มันจะขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์
- การหลอมรวมเป็นอีกหนึ่งทักษะชั้นสูง ที่เราต้องฝึกเชื่อมโยงจุดแข็งและจุดอ่อน รวมไปถึงหาสิ่งสมดุลที่สุดของบริบทนั้น
- ทั้งนี้ เครื่องจักรควรตัดสินใจด้วยตัวเองด้วย ทว่า มันคือการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดของคน ๆ หนึ่ง แล้วมันควรจะแม่นยำมากกว่าคนตัดสินใจ
หนังสือ Capital in the Twenty-First Century ของ Thomas Piketty
- ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่เราต้องใช้ทุนเพื่อต่อยอดจุดที่เราเป็นมา
- ซึ่งมันจะเป็นการกลับคำกันระหว่าง ทุนนิยม และนิยมทุน ยังไงเราก็ต้องมีทุนเพื่อเริ่มสร้างธุรกิจ
- นักเศรษฐศาสตร์เป็นคนที่เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจได้มากที่สุด แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมด
- ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และเส้นแบ่งฐานะทางการเงิน ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงแค่ภาพที่สังคมนั้นเห็น
- ความมั่งคั่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน จะมีบางประเทศที่มั่งคั่งมากกว่าประเทศอื่นอยู่เสมอ เพียงเพราะสิ่งเดียวคือทุน
มีคนมาปรึกษาว่า อยากรู้ว่าธุรกิจออนไลน์ที่ชื่อว่า Droprich ประมาณขายออนไลน์ไม่ต้องสต๊อกของ ตอนนี้น้าอายุ 40 ปีกว่า ชักชวนแม่กับคนแถวบ้าน สมัครเข้าไปหลายคนโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลอะไรกันเลย เห็นแต่ว่าขายของออนไลน์อันนี้ได้ผลตอบแทนเยอะ คือเราก็เลยไปหาข้อมูลในพันทิปเขาอธิบายประมาณว่ามันเป็นแนวแชร์ลูกโซ่ อธิบายให้น้าฟังไปก็โดนด่า แล้วหาว่าเพราะแบบนี้ไงอนาคตถึงไม่ได้ก้าวหน้า แล้วยังมาบังคับเราให้เข้าสมัครอีก ลำบากใจมาก ๆ เลยค่ะ
- ยุคนี้มีการเชิญชวนเรื่องเกี่ยวกับการลงทุนมากมาย ส่วนใหญ่ก็แพ้คำว่าผลตอบแทนสูง
- มนุษย์มีความเชื่อมโยงที่สูง โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่ใช้ความเชื่อเป็นพื้นฐานของการหาเงิน
- ต่อให้ญาติพี่น้อง พ่อแม่ หรือเพื่อน คนใดก็ตามแต่มาเชิญชวน เราก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็สอบทานอีกรอบหนึ่ง
- น้าอายุ 40 ปีก็จริง แต่ก็ใช่ว่าเขาเคยมีประสบการณ์เรื่องแชร์ลูกโซ่ บางคนอาจจะคิดว่ามันได้ผลตอบแทนที่สูงจริง ๆ ก็มีอยู่
- กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ คนเราต้องใช้การตัดสินใจอย่างมากมายมหาศาล เราจำเป็นจะต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีให้ได้ อย่าเป็นคนลังเลเด็ดขาด
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "อะไรที่ได้ทำในวันนี้สำเร็จลุล่วงแล้ว และมันจะสามารถทำให้ตัวเราเองนี้มีความสุขและสนุกในระหว่างที่เราได้ทำมันต่อ"
- เราไม่มีทางล่วงรู้ทุกสิ่งบนโลกได้ แต่เราจะสามารถรู้จักตนเองได้
- ความสุขกับความเพลิดเพลินมีความคล้ายคลึงกัน อย่างน้อยเราก็ต้องใช้สิ่งนี้ดำรงชีวิตต่อไป
- ถ้าเราทำกิจหน้าที่ด้วยกิจหน้าที่อย่างเดียว ความสุขของเราจะหายไป มันเหมือนเป็นตัวบั่นทอนจิตใจ
- ชีวิตเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ ไม่ใช่ให้เราไปทำอะไรแต่ต้องตื่นรู้ในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
- รับรู้เรื่องราวของโลกใบนี้ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกันไปอย่างมิขาดสาย เราแค่เอาตัวเราเข้าไปแทรกเท่านั้น
หนังสือ Capitalist Manifesto: How Entrepreneurs Can Save Capitalism ของ Robert T. Kiyosaki
- คำแถลงการณ์ของระบบทุนนิยมนั้นเป็นอย่างไร แล้วเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ไหม
- นักปฏิวัติ นักขับเคลื่อน และนักการเมือง ทั้งสามสิ่งนี้ล้วนเป็นระบอบของทุนนิยมที่มีส่วนผสมของระบอบอื่น ๆ ด้วย
- เมื่อเงินเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในโลกใบนี้ โอกาสของสิ่งนึงก็คือโอกาสของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ ให้ระมัดระวังโอกาสที่ไม่ดีเอาไว้
- เศรษฐกิจเป็นภาพมวลรวมของการเงินในระบบ เราจึงต้องศึกษาว่ายุคอุตสาหกรรมสู่ยุคทุนนิยมนี้ มีความคล้ายแล้วแตกต่างอย่างไรบ้าง
- เราทุกคนไม่สามารถร่ำรวยเท่ากันได้ นี่คือกฎของระบบทุน แต่เราทุกคนมีโอกาสรวยได้ ลองสังเกตว่าถ้าคนนึงรวยอีกคนนึงมักจะจนเสมอ
มีคนมาปรึกษาว่า อยากรู้ว่าจะจัดการปัญหานี้ยังไงดีคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานกลุ่มคือว่า ตอนนี้เรียนอยู่มหาลัย ปี 1 แล้วเราเลือกเรียนไม่ตรงสาย คือว่ามันมีงานกลุ่มเยอะมาก แล้วพอเราทำงานกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มนี้ก็มาอยู่ตลอด มันไม่ช่วยเหลืออะไรเลยเอาแต่เรื่องตัวเอง แล้วเราก็ไม่ได้ใส่ร้ายเพื่อนเลยนะ แต่จากที่สังเกตคือมันไม่เอาไหนเลยจริง ๆ สักคน ทั้งกลุ่มมีอยู่ 6 คน มันเหมือนงานมาตกที่เราอยู่คนเดียว เวลามีงานอะไรเราก็ทำคนเดียวตลอด ไม่เคยถามว่าให้ช่วยอะไรไหม แบบมาตกลงหน้าที่รับผิดชอบกัน ซึ่งมันไม่มีเลย มันก็เลยเป็นการบังคับไปในตัวว่าเราต้องหาทางออกให้กับกลุ่มเอง แบ่งหน้าที่ก็มีคนทำบ้างไม่ทำบ้าง เหมือนสักแต่ว่าทำแค่นั้น มันเลยทำให้ตอนนี้รู้สึกเครียดที่เจอเรื่องแบบนี้ จะแก้ปัญหานี้ยังไงดีคะ
- ปัญหาใหญ่ที่สุดของวัยเรียนก็คือ งานกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามัคคีกัน
- เอาจริงว่างานกลุ่มมันสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง เช่น ความเมตตา การเสียสละ หรือว่าความรับผิดชอบ
- ใครทำใครได้ ให้ท่องไว้แบบนี้เลย ไม่ต้องใส่ใจว่าใครทำหรือไม่ทำ เพราะอนาคตมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีใครมาช่วยเรา
- จากประสบการณ์ในอดีตสมัยวัยเรียน มันก็มักจะมีคนที่ช่วยน้อยสุด เราก็ต้องช่วยเหลือด้านอื่น เช่น ซื้อข้าวซื้อน้ำให้ก็ยังดี
- ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องใช้สติปัญญาขั้นสูงเพื่อเอาชนะอุปสรรคไปได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องมองไกล ๆ แล้วก็อดทนให้มากที่สุด
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ไม่ว่าจะโดยอักษรหรือตัวแทนก็ตาม (ผ่านการอ่านการแจ้งข่าว คำอธิบายของการทำงานและอื่น ๆ) มันเป็นสิ่งที่เราใส่ไปในการทำงานอย่างชั่วคราวเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องมองไปยังการได้รับความเข้าใจที่ดีเพิ่มเติมมากขึ้นของสิ่งที่เรากำลังรับมือกับมันอยู่ ดังที่เรากำลังสร้าง คุณก็มักจะนำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มา แล้วก็ปรับใช้ ปรับปรุงแก้ไขให้มันเหมาะสมกับผลลัพธ์มากที่สุด"
- จงนำตัวเองให้ไปอยู่ในจุดที่เราจะรับความเจ็บปวดเพื่อที่เราจะได้รับความสามารถเพื่อให้ออกแบบในชีวิตได้ต่อไป
- ไม่มีอะไรจะขวางกั้นความเข้าใจต่อเหตุการณ์ได้มากเท่ากับ การเรียนรู้ต่อเหตุการณ์นั้น ๆ ได้เลย
- อย่าลืมว่ากระบวนการสร้างที่ดี ไม่ใช่การออกแบบแต่เป็นการมีสติตื่นรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง
- ความรู้มันอยู่ตรงนั้นของมัน แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นว่าจะเล็งเห็นอะไรบ้างในสิ่งเหล่านั้น
- การรับสมัครคนเข้ามาทำงาน เราก็คงอยากได้คนที่รักในการทำงาน ฉันใดก็ฉันนั้นเราก็ต้องทำให้มันดีก่อน มันจึงจะมีคนเห็นค่าของคุณ
หนังสือ Chip War: The Fight for the World's Most Critical Technology ของ Miller Chris
- สงครามชิปนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วเราจะพบเจอสงครามนี้ไปอีกนานแค่ไหน
- เมื่อเรายึดหัวหาดของชิปได้ เราก็จะค้นพบว่าอำนาจการต่อรองของสงครามการค้านี้จะยิ่งทวีคูณขึ้น
- เกือบทุกอย่างที่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ เราจะต้องใช้ชิปเพื่อประมวลผล แล้วมันจะแทรกซึมอยู่ในทุกสรรพสิ่งต่อไป
- สงครามเย็นสู่สงครามเทคโนโลยี แล้วมันก็จะนำไปซึ่งสันติได้อย่างแท้จริงไหม มันจะขึ้นอยู่กับมนุษย์ว่าคิดอย่างไร
- ลองติดตามข่าวสารดูบ้าง เพื่อจะได้สังเกตเห็นว่าชิปมันมีอิทธิพลอย่างไรต่อชีวิตประจำวัน แล้วมันส่งผลเสียหรือดีมากน้อยเพียงใด
มีคนมาปรึกษาว่า เคยมีความรู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองบ้างไหมคะ เมื่อก่อนเราคิดว่าเราเป็นคนเข้มแข็งและแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ลุยทุกอย่างเรื่องงานผู้คนไม่เคยสนใจใคร มุ่งมั่นคิดว่าทำได้ทุกอย่าง เรามีความคิดที่ว่าคนเราเกิดมาเท่าเทียมกัน สิ่งที่คนอื่นทำได้เราก็ทำได้ และเมื่อไม่นานมานี้เราก็เริ่มถูกคนอื่นกลั่นแกล้งและรังแก และเล่นกับเราแรงมาก จนเราคิดว่าเราจะเจอกับอะไรแบบนี้อีกไหม ใช้ชีวิตระแวงว่าหนักสุดจะไปถึงตรงไหน เราเหนื่อยกับสิ่งรอบตัว หมดไฟไม่ค่อยมีใจจะทำอะไรใหม่ ๆ และการทำงานในทุกวันนี้ก็ยังเจอกับคนพวกนี้ที่คอยขัดขวางเราตลอด เราพยายามข่มใจอยู่ ตอนนี้ก็รู้สึกทั้งโกรธและเกลียดแต่ทำอะไรพวกมันไม่ได้ มันก็ยังลอยหน้าลอยตาและหาเรื่องเราต่อไป พอเรานิ่งก็เอาใหญ่ พอเราคิดจะเอาคืนก็รู้สึกว่าไม่ควรทำ แฟนก็บอกว่าไม่ต้องทำอะไรให้นิ่งสยบความเคลื่อนไหวไป อยากรู้ว่าควรทำยังไงดีกับสถานการณ์นี้ดีคะ
- เมื่อเราสูญเสียความเป็นตัวเอง เราก็จำเป็นจะต้องจัดการกับความเป็นตัวเองให้ได้
- ไม่มีใครไม่เคยสูญเสียความมั่นใจในตนเอง แต่ชีวิตจะมาบอกกับเราว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
- โต้คลื่นกับปัญหาไปให้ได้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะอยู่รอดต่อไป ส่วนคนที่อ่อนแอก็จำเป็นต้องกลับบ้าน
- สังคมที่เราอยู่อาจจะไม่ใช่สังคมที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยเราก็ต้องอดทนเพื่อตามหาสังคมในฝันที่เราวาดเอาไว้
- ทั้งนี้ หากเราหมดกะจิตกะใจในการทำงานใดก็ตาม ให้ลองหาไฟฝันเพื่อเติมเชื้อเพลิงไปต่อ ไม่ต้องกลัว กล้าเข้าไว้
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ยิ่งเราสามารถวาดภาพของสถานการณ์ได้อย่างชัดแจ้ง คุณจะโน้มเอียงในการออกแบบการวางแผนได้ การวาดภาพที่ให้มันเกิดขึ้นได้นั้น มันจะเกิดจากสิ่งที่เราหมั่นสร้างมันขึ้นมา มันคือแผนผังของจิตใจที่เป็นระบบ จดจำเอาไว้ว่าบางคนมักจะทำได้ดีหรือแย่ในการวาดภาพซึ่งเป็นเรื่องปกติ แล้วการที่เราจะรู้ว่าการประเมินความสามารถของตนเองหรือของผู้อื่น มันก็จะขึ้นอยู่กับความแม่นยำในการวาดภาพของผู้คนที่ผ่านมา เพื่อไปยังการสร้างแผนของชีวิตขึ้นได้"
- จงจดจำไว้ว่าการจะสร้างแผนของชีวิตให้ดีนั้น ควรจะเป็นหนึ่งเดียวกับบทหนัง
- จุดเริ่มต้น กลางเรื่องแล้วก็ตอนจบ จำเป็นจะต้องสอดคล้องกันเป็นเนื้อเดียวกัน
- ลองฝึกฝนที่จะวาดภาพของชีวิต ไม่ใช่เอาแต่อยู่กับปัจจุบันหรืออดีต จนลืมการวางแผนของอนาคต
- ปีหนึ่งที่ผ่านไปทุก ๆ ปี เราได้ทำอะไรให้ชีวิตนั้นดีขึ้นบ้าง หรือว่าเราก็แค่ปล่อยวางมันทิ้งไป
- สำรวจตัวเองอยู่เนือง ๆ ไม่จำเป็นต้องไปตีอกชกหัวมาก ใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง
หนังสือ Tell Me What You Want: A Therapist and Her Clients Explore Our 12 Deepest Desires ของ Charlotte Fox Weber
- สังเกตอากัปกิริยาของตัวเองอยู่เนือง ๆ ว่าในแต่ละวันมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรบ้าง
- เฝ้าติดตามอาการของตัวเองว่า ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร ความรู้สึกจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ
- อยากได้อะไร ปรารถนาสิ่งใด สิ่งนั้นจะกำหนดความรู้สึกมวลรวมว่า เราจะเป็นผลผลิตของสิ่งนั้นเสมอ
- บางครั้งการที่เราเติบโตมา แต่ว่ามันก็อาจจะดูจืดชืดกับความฝันในวัยเด็ก แต่มันย่อมสลักสำคัญที่มองย้อนกลับไป
- นักจิตบำบัดจะพยายามนั่งในใจของคนไข้ โดยที่เขาจะไม่ตัดสิน ไม่ได้คุกคาม แล้วก็พร้อมกับเคารพทุกความรู้สึกของเรา
มีคนมาปรึกษาว่า สวัสดีครับ ผมอายุ 22 ปีครับ ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองโตเร็วกว่าคนรอบตัวเยอะมาก ผมทำงานตั้งแต่อายุ 16 ปี จริง ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก่อนวัยมาตลอด แต่ช่วงนี้ผมกลับรู้สึกต่างไปครับ ก่อนหน้านี้รู้สึกโตแค่เพราะได้ทำงานก่อน ได้ใช้เงินที่ตัวเองหามาเอง แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกโตขึ้นเพราะเริ่มอยู่ในช่วงที่จริงจังขึ้นในหลาย ๆ ด้าน การงาน การเรียน การใช้ชีวิต หลาย ๆ เรื่องผมต้องรีบเรียนรู้เอง ทำเอง คิดเอง รู้ตัวอีกทีผมรู้สึกหันไปปรึกษาใครไม่ได้แล้วครับ เมื่อก่อนถามใครเขาก็จะบอกได้ว่าต้องทำยังไง แต่ช่วงนี้ผมได้แต่กำลังใจมา เพราะผมรู้มากกว่าคนรอบข้างไปเรียบร้อยแล้ว พอเป็นแบบนี้ผมจึงขาดคนให้คำปรึกษา ทำอะไรต้องคิดเอง ทำเองทั้งหมด มันเลยรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ครับ ผมพูดแบบนี้แล้วอาจจะมีคนมองว่า ผมอีโก้เยอะนะครับ แต่ผมยอมรับก่อนครับว่าผมไม่ได้เก่ง หรือฉลาดอะไร ผมโตในครอบครัวที่ไม่ได้มีความรู้อะไรมาก คนรอบตัวเพื่อนก็โตตามวัยครับ ไม่มีใครต้องโตมาสู้ชีวิตเหมือนผม ผมรู้สึกการเติบโตมันยากแล้วก็น่ากลัวมากเลย เหมือนผมต้องแบกภาระทุกอย่างอยู่คนเดียว มันไม่ใช่ว่าเราไม่ไว้ใจคนรอบข้างนะครับ ผมลองทำทุกทางแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับมา มันไม่เท่ากับที่ผมคิดได้เองจริง ๆ เหมือนว่าเขาไม่รู้เขาเลยตอบไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดเขา แต่ความหนักใจมันมาอยู่ที่ตัวผมเอง ประเด็นจิตใจความคิดมันอธิบายลำบากจริง ๆ ครับ แนะนำผมได้นะครับ
- ปัญหามี 2 มุม คือมุมที่ดีและมุมที่ไม่ดี ซึ่งปัญหานี้เป็นมุมที่ดี เราจึงไม่ต้องหนักใจอะไรมากมาย
- หากเราอยู่จุดที่ใครก็ให้คำปรึกษาเราไม่ได้ นั่นเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก เพราะมันคือเราต้องเป็นผู้สอนคนอื่นแล้ว
- ลำดับขั้นของชีวิตก็มีอยู่ 2 ระดับใหญ่ ๆ ก็คือ เราเป็นภาระ กับเราแบกภาระ เราต้องเลือกว่าจะเป็นคนแบบไหน
- คนที่สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก แบบสู้ด้วยปัญญาจริง ๆ เราจะเข้าใจชีวิตว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ไขและปัญหามีไว้ให้หาทางออก
- ทุกปัญหามันมีทางออกหมด แต่การที่เราอยู่ในจุดที่ไม่สามารถปรึกษาใครได้แล้ว มันอาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์กับอายุของเราด้วย
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "เมื่อได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน ก็ได้เล็งเห็นว่าเกณฑ์ในการตัดสินใจเป็นอย่างไร ฉันได้ถามตัวเองบ่อยครั้งว่าจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไรบ้างแล้วก็เขียนมันลงไปถึงหลักการที่ต้องเป็นไป หลังจากนั้นฉันก็ได้เห็นถึงกระบวนการสร้าง แล้วก็จึงกำหนดวิถีทางที่ต้องให้เป็นไป ซึ่งฉันก็ได้รวบรวมการจัดการแล้วก็นำมาเป็นนิสัยของการเสริมสร้างการตัดสินใจในครั้งต่อ ๆ ไป กระบวนการสร้างของหลักการที่ได้กระทำมันก็จะเป็นการทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ฉันเชื่อเรื่องการทำเป็นระบบ หลักฐานในการสร้างจะทำให้การจัดการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มนุษย์มีระบบที่จะทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็ค่อย ๆ ปรับปรุง พัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ เหมือน GPS ในรถยนต์ที่มันเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ว่าเราจะทำตามหรือไม่ก็ตาม ฉันจึงเชื่อเสมอว่ามันคือเครื่องมือที่จำเป็นสู่อนาคต
- สร้างการตัดสินใจให้ดีเยี่ยม โดยผ่านกระบวนการสร้างที่ผ่านเกณฑ์การคัดสรรอย่างดีเพื่อตัดสินใจในอนาคต
- ไม่มีการกระทำใดที่สำคัญไปมากกว่า การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ ทุกระบบต้องเลือกให้เหมาะสมกับเหตุการณ์นั้น ๆ เสมอ
- ความสุขในชีวิตจะเนื่องมาจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง แล้วการตัดสินใจที่ถูกต้องมันเป็นการฝึกฝนในทุกวัน
- ไม่ต้องกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ให้กังวลว่าเราจะตัดสินใจอย่างไรบ้าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างสิ่งที่ควรจะเป็น
- กระบวนการสร้างสำคัญที่สุด มันคือทุกสิ่งอย่างของชีวิต ให้โฟกัสที่กระบวนการแล้วผลลัพธ์จะงอกงามเอง
หนังสือ Inside Vanguard: Leadership Secrets From the Company That Continues to Rewrite the Rules of the Investing Business ของ Charles D. Ellis
- เป็นกองทุนระดับโลกที่มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์การจัดการสูงที่สุดในโลกได้อย่างไร
- ความชาญฉลาดของการจ้างผู้จัดการกองทุนนั้น จึงเป็นความท้าทายมาตลอด
- แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความชาญฉลาดเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องอยู่ในจังหวะที่ใช่ด้วย
- ผู้นำจำเป็นจะต้องเป็นคนที่นำไปยังทิศทางที่ถูกต้อง แล้วผู้ตามจะเดินไปตามทางที่ถูกต้องตามไปด้วย
- กองทุนรวมอาจจะเป็นแง่มุมหนึ่งของการลงทุน หลักการของการหารายได้คือกินค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนในแต่ละปี
มีคนมาปรึกษาว่า อยากเลิกกับแฟนเพราะรู้สึกว่าคบกันไปชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นมา เราคบกับแฟนมาเกือบจะ 2 ปีแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เจอกันแค่ปีละ 2 ครั้ง รู้สึกว่ามันเหนื่อยกับความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ไม่เคยคุยเรื่องอนาคต ไม่ได้ใช้ชีวิตให้มันดีขึ้น ต่างคนต่างทำงานไป เราก็เลยรู้สึกว่าการมีเขามันเหมือนไม่มี เลยอยากอยู่คนเดียวมากกว่า จะดูเห็นแก่ตัวไหมคะ
- ชีวิตคู่ก็คือคนสองคน เราคุยกับแฟนแล้วสนทนากับแฟนแล้วก็ตัดสินใจได้เลย
- บางทีจุดที่ยากที่สุดในชีวิตก็คือการตัดสินใจ แล้วการตัดสินใจใดเล่าจึงเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การกระทำ
- ความเห็นแก่ตัวมันคือการที่เรานึกถึงแต่ตัวเอง จนลืมอนาคตของคนอื่น ซึ่งมันต้องดูว่าสิ่งที่เราคิดเราทำมันดีที่สุดรึยัง
- คนเรามีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ที่แตกต่างกัน บางคนอยากคบหากันแล้วก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งชีวิตมวลรวม สุขภาพจิต และสุขภาพกาย
- อนาคตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากวันนี้ ถ้าตอบคำถามในวันนี้ได้แล้วว่าไม่รัก อนาคตก็คงไม่ได้ผิดแผกไปจากเดิมเท่าไหร่
ข้อความโพสต์จาก Simon Sinek ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คุณอย่าจ้างคนเพราะทักษะ แต่จงจ้างผู้คนด้วยทัศนคติ เพราะคุณสามารถสอนทักษะให้กับเขาได้- Herb Kelleher"
- เมื่อทักษะเป็นสิ่งที่ฝึกฝน และเสริมสร้างได้ง่ายกว่านิสัยหรือว่าทัศนคติ
- เราจึงต้องหาทางออกให้เจอว่า ทัศนคติใดเล่าที่ควรค่าแก่การงาน หรือบริบทนั้น
- ไม่มีการเรียนรู้ใดที่ไร้ค่า ทุกการเรียนรู้มีความหมายเสมอ มันอยู่ที่ตัวเราเอง
- รับรู้ให้ได้ว่า อะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก เราจะหาสิ่งนั้น แต่อะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ง่าย เราจะสร้างมัน
- การค้นหาผู้คนที่เหมาะสมกับบริบทนั้น ๆ เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง ประสบการณ์จะสอนเราว่าจุดไหนควรที่จะยอมรับ
หนังสือ What's Gotten Into You: The Story of Your Body's Atoms, from the Big Bang Through Last Night's Dinner ของ Dan Levitt
- โลกใบนี้ได้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมา เพื่อการดำรงอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรหลังจากนั้นเลย
- มวลในร่างกายเราอาจจะเป็นมวลค่าของสสารของธรรมชาติ มันไม่มีแก่นสารอะไรนอกจากน้ำหนักของถ่าน
- เราไม่มีทางสร้างคุณค่าให้แก่โลกใบนี้ผ่านการนึกคิดเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องผ่านกระบวนการสร้างที่ล้ำค่า
- วันหนึ่งร่างกายเราจะหลอมรวมไปกับธรรมชาติ มันเรียกว่าเราคืนกลับสู่สามัญในสิ่งที่เราเคยเป็นมาจะดีที่สุด
- บางทีวิทยาศาสตร์ก็คือธรรมะ สองสิ่งนี้สอดคล้องเป็นเนื้อเดียวกัน อยู่ที่จะอธิบายอย่างไรให้กระจ่างแจ้ง
Comments