Discover
คำสอนพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ

633 Episodes
Reverse
จากโอวาทพระมงคลเทพมุนี เรื่องพระของขวัญ
พระมงคลเทพมุนี อธิบายทางเดินของใจ จัดทำโดย กองพุทธศิลป์
อติมานะ
อนติมานี ไม่มีอติมานะ เย่อหยิ่งจองหองไม่มี ไม่มีเย่อหยิ่งจองหองจริงๆ ทีเดียว ลูกหญิงลูกชายบางคนเย่อหยิ่งจองหอง ต่อพ่อแม่ กระทบกระทั่งเข้าเล็กน้อยเราก็ใช้จมูกฟิด หมิ่นพ่อแม่เสียแล้ว เอาแล้ว นี่ร้ายกาจถึงขนาดนี้ นี่มันหยิ่งจองหองอย่างนี้
ภิกษุสามเณรก็ดุจเดียวกัน ถ้าว่ากระทบกระทั่งเข้าเล็กๆน้อยๆ ละก็ เอาละไปละ สึกขาลาเพศไปเสียบ้าง ไปเสียที่ไหนไหนบ้าง นี่เอาเข้าแล้ว ถูกเข้าเล็กๆ น้อยๆ ละก็หัวดื้อกระด้าง ครูบาอาจารย์เกลียดนัก พ่อแม่ก็เกลียดนัก
ถ้าเป็นผู้ไม่หยิ่งจองหอง เมื่อไม่หยิ่งจองหองอย่างนี้แล้วเป็นที่สบายใจ อยู่กับพ่อแม่เป็นที่สบายใจ ครูบาอาจารย์ ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ในพระพุทธศาสนาเป็นผู้ไม่หยิ่งจองหองแล้วเป็นที่สบายใจ พระพุทธศาสนาชอบใจนัก ชอบอาจหาญ ชอบตักเตือน ไม่มีอติมานะ
ถ้ามีอติมานะเย่อหยิ่งจองหอง เป็นเช่นนั้นเราก็เป็นที่ไม่สบายใจ นี่เป็นคนฝ่ายเลว ฝ่ายดีก็ไม่หยิ่งจองหองเท่านั้น ไม่มีอติมานะทีเดียว
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "กรณียเมตตสูตร"
๒๕ พฤษภาคม ๒๔๙๗
อานิสงส์การบวช
อานิสงส์ผลของเจ้าตนผู้บวชของมารดาบิดาของผู้อุปถัมภ์ให้บวชมากมายนัก
ท่านกล่าวว่า มารดาลูกของตัวบวช มารดาบิดาลูกของตัวบวชในพระธรรมวินัยของพระศาสดา เป็นเจ้าภาพให้ลูกของตัวบวชเป็นเณรในพระธรรมวินัยพระศาสดาได้อานิสงส์ ๘ กัลป์
การให้บวชเป็นพระภิกษุได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป์ ๘ กับ ๑๖ ประสมกันเข้าเป็น ๒๔ กัลป์ เหมือนพระที่บวชใหม่นี้เจ้าภาพก็ได้ฝ่ายมารดาก็ได้อานิสงส์ ๒๔ กัลป์
กัลป์หนึ่งเท่าไหร่ล่ะ ได้เสวยสุขนะ ไม่รู้จักได้นานเท่าไร เอากัลป์รวมกัน กันน่ะ ภูเขากว้างโยชน์ สูงยอดหนึ่ง ๑๐๐ ปีเทวดาผู้วิเศษเอาผ้าเทพเนื้อละเอียดมาปัดลงไปที่ยอดนั้นครั้งหนึ่ง ก็หยุดไปพอครบ ๑๐๐ ปีแล้วมาปัดครั้งหนึ่ง เพียรปัดไปดังนี้แหละ ภูเขานั่นสึกด้วยผ้าเทวดาปัดนั่นแหละ สึกลงมาเรียบร้อยลงมาถึงพื้นดินตามเดิมไม่รู้ว่าภูเขาอยู่ที่ไหน เป็นพื้นดินไปแล้ว เรียบลงมาถึงขนาดนั้น นั่นเรียกว่าได้กัลป์หนึ่ง ได้กัลป์หนึ่ง โอ..มันเหลือลึกอย่างนี้
อีกนัยหนึ่ง สระกว้างโยชน์ ลึกโยชน์หนึ่ง สี่เหลี่ยมจัตุรัส ๑๐๐ ปีมีเทพเจ้าผู้วิเศษเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดมาทิ้งลงเมล็ดหนึ่ง เทวดาผู้วิเศษก็ไม่ตายเหมือนกัน ๑๐๐ ปีก็เอามาทิ้งไว้เมล็ดหนึ่ง ๑๐๐ ปีก็เอามาทิ้งไว้เมล็ดหนึ่ง จนกระทั่งเมล็ดพันธุ์ผักกาดนั้นแหละเต็มสระที่ลึกโยชน์ กว้างโยชน์นั่นนะ สี่เหลี่ยมจัตุรัสนั่นแหละ
นี่มันเท่าไรกันล่ะนับกันไม่ไหว ต้องตวงกันด้วยกัลป์อย่างนี้ นี่บุญกุศลน่ะมันมากมายขนาดนี้
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "รัตนสูตร"
๒๓ พฤษภาคม ๒๔๙๗
เด็กเล่นขายของ
ธรรมอันนี้เป็นของลึกซึ้ง ถ้าว่าผู้ใดไปถึงเข้าแล้วผู้นั้นก็จะรู้สึกน่ะไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย
พุทโธ่เอ๋ย...เราเกิดมาตั้งแต่เล็กจนโต เป็นหนุ่มเป็นสาวครองเหย้าครองเรือน เหมือนเด็กจริงๆ เด็กๆ เล่นขายของกันแท้ๆ เดี๋ยวก็ตี เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เพราะอ้ายนั่นไม่พอ อ้ายนี่ไม่พอ หึงหวงกันต่างๆ นานาเหมือนเด็กๆ เล็กๆ แท้
ถ้าไปถึงพระเข้าแล้ว ก็ไอ้นี่มันไม่ใช่เรื่องอย่างนี้หรือนี่ นี่แกก็ไปเห็นอย่างนั้นเขาเหมือนกัน แกจึงทิ้งบ้านทิ้งช่อง แม้ใครจะมายอมเป็นภรรยาแกก็ไม่ยอมอีกนะแหละ แกกลัวจะเล่นเรื่องเด็กกันอีก แกกลัว แกรีบมาเสีย แกกลัวจะไปเล่นเรื่องเด็กกันอีก ยุ่งๆ เหยิงๆ กันต่างๆนานา
ที่รบกันไปรบกันมานั้นมันก็เรื่องเด็กๆนะไม่ใช่เรื่องผู้ใหญ่ ถ้าเรื่องผู้ใหญ่ไม่รบกันดอก ดูแต่ผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่นั่นสิ อยู่ด้วยกันไปไปก็ไม่เป็นไร โอบอ้อมอารีซึ่งกันและกัน ไม่ค่อยจะเป็นอันตรายนัก แต่ว่าต่างคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่ เป็นเด็กๆไม่รู้เดียงสา พูดกันไม่รู้เรื่อง ฟังกันไม่รู้เรื่อง กลับเป็นเด็กๆ อีก
เพราะเหตุนี้ความเป็นพระพุทธเจ้าเป็นของได้ยาก เป็นผู้ใหญ่จริงๆ นะจึงจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ถ้าเป็นเด็กๆ เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ยังทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ สมัยเมื่อยังเป็นเด็กๆ
พระพุทธเจ้าไม่มีทะเลาะกันกับใคร ใจดีนักทีเดียว ไม่ข้องแวะกับใคร
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "รัตนสูตร"
๒๓ พฤษภาคม ๒๔๙๗
อารมณ์
นี่ตั้งแต่กายธรรม-กายธรรมละเอียด กายโสดา-โสดาละเอียด กายธรรมสกทาคา-สกทาคาละเอียด กายธรรมอรหัต-อรหัตละเอียด ๑๐ กายนี่ไปนิพพานได้ทั้งนั้น แต่ว่าไม่มีนิพพานเป็นอารมณ์เหมือนพระอรหัตพระอรหัต พระอนาคามีมีนิพพานเป็นอารมณ์ ไม่มีอารมณ์อื่นละ
สัตว์โลกในโลกนี้มีกามคุณเป็นอารมณ์ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นที่ชอบใจเป็นอารมณ์หมดทั้งสากลโลก ผู้หญิงก็แบบนั้นแหละ ผู้ชายก็แบบนั้นมีอารมณ์เพราะมีกามภพ จะไม่ให้คิดเรื่องอื่น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เท่านั้นเป็นอารมณ์ของมันเชียว ไม่คิดเรื่องอื่นๆ นั่นเป็นเรื่องสำคัญ
ไม่ใช่เท่านั้น เมื่อกามภพมีอารมณ์ เช่นนี้ มนุษย์ชั้นหนึ่ง สวรรค์ ๖ ชั้นมีอารมณ์เดียวกัน
เมื่อถึงกายรูปพรหม อีก ๑๖ ชั้น พวกรูปพรหม ๑๖ ฉันนั้นมี ปฐมฌานเป็นอารมณ์ ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน เป็นอารมณ์ ใจจดใจจ่ออยู่ฌานนั่นแหละ ไม่ไป จ่อจดที่อื่นละ
สวรรค์ ๖ ชั้น มนุษย์ชั้นหนึ่ง ไม่จดจ่อที่อื่น จดจ่ออยู่ที่กามทั้งนั้น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ใจจดอยู่นั่น ถอดไม่ออกติดแน่นเชียว
ส่วนรูปพรหมนั่นติดอยู่ที่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน ติดแบบเดียวกันติดยิ่งกว่าติดในกามอีกแน่นหนาทีเดียว
ส่วนกายอรูปพรหม ๔ ชั้นเล่า ใจจ่ออยู่ที่เอารูปฌาน อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ติดอยู่นั่นถอนไม่ออก นี่สุดภพทั้งหมด
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "รัตนสูตร"
เสียงอ่านโอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่อง สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่งของตน
เสียงอ่านโอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่อง สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่งของตน ตอนที่ ๔
เสียงอ่านโอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่อง สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่งของตน ตอนที่ ๓
เสียงอ่านโอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่อง สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่งของตน ตอนที่ ๒
เสียงอ่านโอวาทหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่อง สิ่งที่เป็นเกาะเป็นที่พึ่งของตน ตอนที่ ๑
พระจอมไตรอุบัติขึ้นในโลก ยังไม่ได้แสดงธรรมเทศนากับบุคคลใดบุคคลอื่นเลย ได้แสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรกโปรดพระปัญจวัคคีย์ วันนี้จะแสดงปฐมเทศนา ที่พระองค์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้งห้า ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแคว้นเมืองพาราณสีบัดนี้เราจะฟังปฐมเทศนาซึ่งเป็นธรรมอันลุ่มลึกสุขุมนัก ไม่ใช่ธรรมพอดีพอร้าย และธรรมนี้เป็นตำรับตำราของพุทธศาสนิกชนสืบต่อไปด้วย ไม่ใช่เป็นเพียงแต่ว่าเป็นปฐมเทศนาเท่านั้น เป็นตำรับตำราของพุทธศาสนิกชนทีเดียว ที่ผู้ปฏิบัติจะเอาตัวรอดได้ในธรรมวินัยของพระบรมศาสดา
ประพฤติตัวได้อย่างนี้ ทำตามพ่อ ให้ทาน กล่าววาจาไพเราะ ประพฤติตัวให้เป็นประโยชน์ในกันและกัน หรือในโลกนี้ทั้งหมด ปรากฏดังนี้เมื่อประพฤติได้ดังนี้แล้ว เรียกว่าความเป็นผู้มีตนเสมอมีตนเสมอเป็นอย่างไร ในธรรมนั้น ในบุคคลนั้นๆเมื่อมาประพฤติเป็นภิกษุ ประพฤติสม่ำเสมอในธรรมที่เป็นภิกษุประพฤติเป็นสามเณรสม่ำเสมอในธรรมที่เป็นสามเณรเมื่อเป็นอุบาสกอุบาสิกา ประพฤติสม่ำเสมอในธรรมที่เป็นอุบาสกอุบาสิกาอยู่ในธรรมนั้นๆ ในบุคคลนั้นๆ เป็นภิกษุเข้าหมู่ได้ ไม่กระทบกระเทือนใครเลย เป็นสามเณรเข้าหมู่ใดสามเณรใด ไม่กระทบกระเทือนสามเณรหมู่นั้นเลยเป็นอุบาสก เข้าไปในอุบาสกใด ไม่กระทบกระเทือนอุบาสกผู้นั้นเลยเป็นอุบาสิกาเข้าไปในหมู่อุบาสิกาใด ไม่กระทบกระเทือนอุบาสิกานั้นเลยนี้ได้ชื่อว่า สม่ำเสมอในบุคคลนั้น สม่ำเสมอทีเดียว ถ้าประพฤติได้ขนาดนี้ ได้ชื่อว่า นั้นแหละเรียกว่าสงเคราะห์ซึ่งกันและกันละถูกหลักตามวาระพระบาลีดังแสดงมาแล้วละ เมื่อประพฤติได้อย่างนี้ เรียกว่า สังคหวัตถุ
การประพฤติทั้งกายทั้งวาจา เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ แล้วทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเป็นการทำลายตน ใครใกล้เคียงก็แก้ไขมนุษย์ที่ทำนานั้นให้ได้ผลเกิดสุข ให้ได้ผลดีเป็นลำดับขึ้นไปการทำสวนก็ดี ใครอยู่ใกล้เคียงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำเป็นตัวอย่าง ให้เป็นประโยชน์ดีแก่เพื่อนมนุษย์ แก่เพื่อนฝูงที่ใกล้เคียงกันหรือจะค้าขายก็ดี ผู้ที่ค้าขายใกล้เคียงกัน ให้เป็นประโยชน์แก่พวกที่ค้าขายใกล้เคียงกันนี้ได้ชื่อว่าประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ เมื่อประพฤติตนให้เป็นประโยชน์แล้ว แก้ไขตัวเองไม่ให้มีตำหนิจะเป็นภิกษุก็เป็นภิกษุที่ดีทีเดียวจะเป็นสามเณรก็เป็นสามเณรที่ดีทีเดียวจะเป็นอุบาสกก็เป็นอุบาสกที่ดีทีเดียวจะเป็นอุบาสิกาก็เป็นอุบาสิกาที่ดีทีเดียวเป็นตัวอย่างได้เช่นนี้ ได้ชื่อว่า อตฺถจริยา ประพฤติตนให้เป็นกระสวน เป็นกระสวนนั่นเป็นอย่างไรช่อฟ้า เขาทำช่อฟ้าเขามีกระสวน เอากระสวนนั่นมาคาดเข้าแล้ว ทำตามรูปกระสวนนั่นเป็นช่อฟ้าได้ประพฤติให้เป็นตัวอย่าง เขาเพียรทำสิ่งใดเป็นตัวอย่างมาแล้ว ก็เพียรเอาสิ่งนั้นเข้ามาทำ มาเป็นแบบแปลนเป็นตัวอย่างต่อไป ประพฤติตนให้เป็นแม่พิมพ์ พ่อพิมพ์นั้น เป็นตำราทีเดียวตำราพ่อพิมพ์แม่พิมพ์พระเหมือนพ่อพิมพ์รูปต่างๆ สวยงามทุกสิ่งทุกประการนั้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้ตามประพฤติเป็นประโยชน์ ประพฤติเป็นประโยชน์ อย่างนี้แหละ เรียกว่าสังคหวัตถุ วัตถุเครื่องสงเคราะห์แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันทุกถ้วนหน้า
การพูด ไม่ใช่วาจาอันนั้นอันนี้ล่ะนะ ด่าก็ได้ ก็เป็นวาจาไพเราะเหมือนกัน จะด่าไม่ให้ชั่ว ให้ทำดีเสีย พ่อด่าลูกก็ไม่ให้ทำชั่วอย่างนี้แหละนั่นแหละเป็นวาจาไพเราะของพ่อแม่ ที่ลูกได้ฟังเลยเลิกความชั่ว นั้นแหละเป็นวาจาไพเราะของพ่อแม่ ที่พ่อแม่ได้ทำเข้าแล้ว กลับตัวเป็นประพฤติดีนี้เป็นสังคหวัตถุอย่างนี้ ประพฤติให้เป็นประโยชน์น่ะ ทำอะไรให้ทำดังนั้นดังนี้ ให้เห็นตัวอย่างเมื่อเห็นตัวอย่างแล้วนั้น สำคัญที่จะเลี้ยงตัวของตัวได้ แก้ไขแนะนำให้ เวลามีโอกาสแนะนำสั่งสอนตักเตือนให้ ดังนี้ให้เห็นตัวอย่าง ชี้ตัวอย่างให้ดู ดังนี้ได้ชื่อประพฤติให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ในปกครองของตนเมื่อประพฤติตนเช่นนี้ ได้ชื่อว่าเป็นเนติแบบแผนอันดีของกุลบุตรกุลสตรีต่อไปในภายหน้า
เปยฺยวชฺชญฺจ เมื่อเป็นผู้มีพวกมากถึงขนาดนั้นเข้าแล้ว ต้องมีวาจาไพเราะ อ่อนหวาน พูดเพราะ พูดเป็นประโยชน์พูดแล้วผู้สดับตรับฟังรักใคร่ดูดดึงในใจ ไม่อยากออกไปห่าง อยากเข้ามาอยู่ในที่ใกล้ อยากจะสนิทชิดชมด้วยเสมอไป เพราะการพูดอันนั้นเป็นตัวสำคัญนักถ้าว่าหัดวาจาไพเราะเสียในชาตินี้ ชาติต่อๆ ไป วาจาของตนศักดิ์สิทธิ์ จะพูดอะไรสำเร็จกิจหมดทุกอย่างถ้าใช้วาจาหยาบ ก็เท่ากับวาจาจอบตัวเองในชาตินี้ก็ดี วาจาหมดอำนาจหมดสิทธิ์ ไม่มีอำนาจอะไร พูดไปก็เท่ากับไม่ได้พูดพูดอะไรเป็นไม่สำเร็จ เพราะวาจาของตน ไม่ได้บำเพ็ญกุศลทางวาจาไว้ถ้าบำเพ็ญกุศลทางวาจาไว้แล้ว กล่าววาจาใด วาจาศักดิ์สิทธิ์ นี่ไม่ได้เป็นของพอดีพอร้ายเรื่องวาจาศักดิ์สิทธิ์นี้ เมื่อครั้งสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว กษัตริย์ทั้งหกพระนคร เจ็ดพระนคร แปดพระนคร ทั้งหกพระนครเกิดประหารซึ่งกันและกัน จะรบกันยกใหญ่เมื่อครั้งแย่งพระบรมธาตุกันในครั้งนั้น ไม่มีใครสามารถมีวาจาศักดิ์สิทธิ์จะเปลื้องความในครั้งนั้นได้มีพราหมณ์ผู้หนึ่งท่านโทนพราหมณ์ เข้าไปมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในที่นั้น ห้ามพุทธกิจในการแย่งพระบรมธาตุในครั้งนั้นสำเร็จได้นั่นเพราะอาศัยอะไร เพราะอาศัยวาจาของท่านพราหมณ์อันศักดิ์สิทธิ์ วาจาศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละท่านได้สร้างวาจาไพเราะของท่านไว้ถ้ากษัตริย์ผู้ใดคือว่าผู้ใดได้ฟังเข้าแล้วจะอ่อนน้อมตามวาจาของท่าน เป็นเช่นนี้เพราะสร้างวาจาที่ดีของท่านไว้ สร้างวาจาที่ไพเราะอ่อนหวานไว้ถ้าใครต้องการวาจาศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ต้องพยายามห้ามวาจาทุจริตเสีย ให้มีวาจาสุจริตอยู่ร่ำไป เมื่อกล่าวขึ้นแล้ว เป็นประโยชน์แก่ตนบ้าง ประโยชน์แก่คนอื่นบ้าง เป็นประโยชน์ทั้งตนบุคคลอื่นได้วาจาไม่เป็นประโยชน์แล้วเสียเวลา พวกที่พูดวาจาพล่อยๆ เอาเรื่องเอาราวไม่ได้วาจาเหลวไหลชนิดนี้ ฆ่าวาจาของตัวเอง ทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง ไม่มีใครทำให้นี้ต้องอุตส่าห์แก้ไขวาจาของตน ให้เป็นวาจาที่ไพเราะอ่อนหวานอยู่ร่ำไปนี้เป็นประโยชน์แก่ตนด้วยเป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่นด้วยเป็นทั้งประโยชน์แก่กันและกันประพฤติให้เป็นประโยชน์ในโลกนี้ หรือประพฤติเป็นประโยชน์ในกันและกัน ในเพื่อนมนุษย์ก็ดี หรือกับสัตว์เดรัจฉานก็ดี ประพฤติให้เป็นประโยชน์ทีเดียวลักษณะที่ประพฤติให้เป็นประโยชน์เป็นอย่างไรการประพฤติให้เป็นประโยชน์ ทำอะไรให้เป็นตัวอย่างดีทั้งนั้นจะทำสิ่งใดด้วยกายทุกอย่าง ให้เป็นตัวอย่างดีของเพื่อนมนุษย์ ให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์จะพูดสิ่งไรด้วยวาจาแล้ว ล้วนแต่ให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ให้ได้ผลแก่เพื่อนมนุษย์ ให้เป็นตัวอย่างแก่เพื่อนมนุษย์
เขาว่าการให้นี้มีผลมากมายนัก มีฤทธิ์เดช ถ้าให้เสียมากๆ ให้เสียเต็มศรัทธาสามารถแล้ว ให้มากๆ เสียแล้ว ชาติใดๆ ไปเป็นคนมากเป็นคนกว้างขวาง ต้องเป็นคนปกครองกว้างขวางใหญ่โตออกไปการให้นี้ให้สำเร็จประโยชน์ถึงเจ้าจักรพรรดิ์ธิราชเป็นเจ้าจักรพรรดิ์ธิราชบ้างต่ำลงมากว่านั้น เป็นมหาราชาธิราชบ้าง ปกครองประเทศทั้งหมดชมพูทวีปหรือย่อยลงมากว่านั้นเป็นพระยาประเทศราช เหมือนยังกับชมพูทวีปเวลานี้ เป็นแต่เพียงพระยาประเทศราชเท่านั้นทุกๆ ประเทศมีเจ้าแผ่นดินปกครองเป็นพระเจ้าประเทศราชทั้งนั้นยังลดลงมากว่านั้นเป็นผู้ปกครอง เป็นประธานชั่ว ๔ ปีๆ เท่านั้น เลิกเป็นพระยาประเทศราชเสียแล้วถึงกระนั้นก็ยังมีพระยาประเทศราชอยู่แต่ว่าอยู่ใต้กฎหมายนี่บุญวาสนาลดหย่อนผ่อนลงมาถึงขนาดนี้ ก็ต้องสำเร็จได้ด้วยการให้เป็นเศรษฐี มหาราชก็สำเร็จด้วยทานการให้เป็นคหบดีมหาศาล มีทรัพย์สมบัติ บริวาร ข้าทาสบริวาร ก็สำเร็จด้วยการให้ ถ้าไม่ให้ ไม่สำเร็จอย่างนั้นเพราะฉะนั้นการให้ ถ้าอยากมีสมบัติยิ่งใหญ่มหาศาลละก็ ต้องอุตส่าห์บำเพ็ญทาน บริจาคทาน นี้ได้ชื่อว่า ทานญฺ จ ทานการให้
เราเกิดมาในมนุษย์โลก หญิงชาย คฤหัสถ์ บรรพชิตไม่ว่า เกิดมาต่างคนต่างมีตัวเปล่าๆ มีแต่บุญกุศลพิทักษ์รักษามา มาแสวงหาทรัพย์สมบัติ ได้เขตสำหรับในโลกนี้ ก็ย่อมเฉลี่ยซึ่งกันและกัน ตามมีตามจะเฉลี่ยได้ ตาม สามารถที่จะทำได้เฉลี่ยได้ สามารถจะทำได้เพียงแค่ไหน ก็ทำไปแต่เพียงนั้นอย่าให้เกินกำลังกว่าตัว อย่าให้เดือนร้อน ทำพอสมควรแก่การ เพราะเรามาไม่นานเท่าใดนัก ก็จะต้องลาโลกนี้ ผ่านโลกนี้ไป ไปโลกอื่นอีกต่อไปการให้สำเร็จที่เป็นอัตภาพที่เป็นมนุษย์นี้ เมื่อพ้นอัตภาพมนุษย์นี้เสียแล้ว ก็ไม่ได้ให้กัน ให้กันไม่ได้ไปเป็นรูปพรหม ให้กันไม่ได้ไปเป็นอรูปพรหม ให้กันไม่ได้ทุกชั้นไปของสมบัติทิพย์ก็มีด้วยกันทั้งสิ้นไปนิพพาน ก็ให้กันไม่ได้ให้กันได้แต่เฉพาะเป็นมนุษย์นี่เท่านั้น ที่ให้กันได้เป็นสัตว์เดรัจฉาน ให้กันไม่ได้เป็นเปรตอสุรกาย ให้กันไม่ได้เป็นสัตว์นรก ให้กันไม่ได้ให้กันได้เฉพาะแต่ในมนุษย์นี้เท่านั้น
ทางพุทธศาสนายินดีในการให้กว้างๆทางโลกล่ะก็ดุจเดียวกัน ถ้าให้กว้างๆ ออกไปจะเป็นชาวนาก็กว้างขวางจะเป็นชาวสวนก็กว้างขวางจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าก็กว้างขวางจะเป็นคนพลเรือนใดๆ ก็กว้างขวางยิ่งคนปกครองก็ยิ่งกว้างขวางออกไปจำเป็นต้องให้กว้างออกไปทีเดียวชื่อเสียงก็กว้างออกไป หน้าที่ก็กว้างออกไปการให้นั่นแหละเป็นข้อสำคัญนัก ไม่ต้องไปขอไปร้องใคร ทำอะไรสำเร็จหมดด้วยการให้แต่ว่าต้องฉลาดให้ถ้าโง่ให้ยิ่งจนใหญ่ถ้าฉลาดให้ ยิ่งให้ยิ่งรวยใหญ่ มันเป็นอย่างนี้ ต้องฉลาดให้อย่างนี้เพราะฉะนั้น ทานญฺ จ ทานเป็นวัตถุสำคัญสำหรับสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน
การให้แคบๆให้แก่ตัวเองให้แก่สามีภรรยาให้แก่ครอบครัวให้แก่ลูกหญิงลูกชายของตนเองนอกจากนั้นไม่ให้ กลัวหมด กลัวเปลือง กลัวสิ้นไป นี่ให้กลัวหมด กลัวสิ้นอย่างนี้พวกที่เห็นกว้างออกไป ว่าเราให้ซึ่งกันและกัน ในสามีภรรยา ในบุตรและธิดา ถ้าว่าให้สามี สามีก็ยินดีด้วยให้ภรรยา ภรรยาก็ยินดีด้วยถ้าให้แก่บุตรและธิดาๆ ก็ยินดีด้วยถ้าจะให้มากเข้าไปกว่านี้ กลัวสิ้น กลัวหมด กลัวเปลืองนี่ความเห็นแคบๆ อย่างนี้ ได้รับความเคารพนับถือบูชาเฉพาะครอบครัวของตัวเท่านั้นถ้าไม่ให้เล่า ไม่ได้รับความเคารพนับถือบูชาทีเดียว ให้กว้างออกไปกว่านั้น กว้างออกไปเทียว เท่าใด เขาก็นับถือตนดุจกับมารดาบิดากว้างออกไปเท่านั้นการกว้างออกไปเช่นนั้นได้ประโยชน์อะไรหรือให้แคบๆ วงแคบๆ ได้ประโยชน์หรอก แต่น้อยไม่เหมือนให้กว้างออกไป ให้กว้างออกไปประโยชน์มาก ประโยชน์มากนักในทางพุทธศาสนาก็เช่นนั้น ชอบให้ในการกว้างๆ ไม่ชอบให้ในการแคบๆการให้แคบๆ ดีเหมือนกัน แต่ว่าได้น้อย ไม่เหมือนกว้างๆ ออกไปดังมารดาบิดาให้แก่บุตร ภรรยาสามีให้แก่กันและกัน ในครอบครัวกันและกัน ให้แล้วมุ่งบุตรในกันและกัน ให้ลูกหญิงลูกชายก็เพื่อให้ปฏิบัติตนต่อไป พอจะได้ดำรงตระกูลของตนต่อไป ก็มุ่งเท่านั้นเมื่อให้บุตรและธิดาได้เท่าไรให้ไป เขาก็ปฏิบัติตามหน้าที่ผู้ได้รับแล้ว ความให้ชนิดนี้ในทางโลก ก็แคบยิ่งทางศาสนาก็ให้ดุจเดียวกัน เฉพาะพระเณรที่ชอบใจ ที่รู้จักเป็นเครือญาติของตน ที่เป็นที่สนิดชิดชอบกับตน ถ้าหากว่าคนนั้นไม่ให้ เห็นว่าจะมากเกินไปให้เพียงเท่านั้นก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน แต่ว่าแคบ
สาธุครับ