ep.05 ย้อนรอยอดีต ตลาดรถเครื่องสายพันธู์วิบากในสยามประเทศ
Description
เมื่อครั้งประมาณ40ปีที่ผ่านมา บนท้องถนนลูกรังสีแดงตบแต่งเต็มไปด้วยฝุ่น หิน ดินทราย ตามชนบาทยังคงมีล้อเทียมเกวียนเทียมควายวิ่งขนข้าวขนฟางจากท้องไร่ ท้องนา เพื่อไปเก็บในยุ้งฉาง วิถีชีวิตของคนท้องถิ่นชนบท นั้นยังคงเป็นไปแบบธรรมดาแอบอิงแนบชิดใกล้ธรรมชาติ ทีสียังมีดูน้อยมาก ส่วนมากก็ขาว/ดำ ฟังวิทยุทรานซิสเตอร์ก็เอเอ็ม.เสียงงี้ดังซ่าๆ ไม่สดใสดังยุคสมัยนี้ที่มีแต่เอฟเอ็ม.เสียงใสปิ๋งละครับท่าน
มาดูแวดวง2ล้อเครื่องเองก็ มี4 ค่ายแดนซามูไรที่เปิดศุกรบรากันเอง หลังจากยกพลขึ้นบนช่วงหลังสงครามก็ไล่ค่ายยุโรปแตกกระเจิงกลับถิ่นเดิม ก็เหลือแต่ค่ายซามูไรที่เปิดแนวรบกันเอง จนมาถึงยุคสมัยที่ มีการนำเอารถสายพันธุ์วอบากเข้ามา ก็ยังคงฟาดฟันดาบซามูไรใส่กันล่ะครับท่าน ทั้งสายพันธุ์ TS125ที่ออกมาแหย่ชาวบ้านก่อน ตามด้วยค่ายตั๊กแตนเขียวสายพันธุ์ KE125 และค่ายปีกนกนั้นส่งมาลุยทั้งสายพันธู์SL และ XL125 ซึ่งเป็นเพียงค่ายเดียวในกลุ่มที่ยังคงงมโข่งอยู่กับบล็อค4จังหวะ และมาแรงคือค่ายส้อมเสียงที่ส่งสายพันธุ์ DT125มาต่อกรด้วย และสามารถสยบคู็แข่งได้อย่างราบ เพราะDT125นั้นมาแปลก คือ มีโช้คหลังเพียงโช้คเดียวสมัยนั้นก็แปลกกว่าค่ายอื่นละครับ
ซึ่งโช้คหลังเดี่ยวของค่ายส้อมเสียงนั้นเรียกว่า โมโนโช้ค ซึ่งยุคนั้นยังเป็นโช้คแบบที่วางลงบนสวิงอาร์มหลัง แบบไม่มีกระเดื่องมารองรับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังถือว่าเป็นจุดเด่น อีกทั้งรูปร่างของรถที่เพรียวบางสวยงาม ก็ทำให้ค่ายส้อมเสียงขึ้นยืนบนสเกลในตำแหน่งหัวโจ๊กโด่เด่อยู่บนสุดหัวแถว
จนมาถึงทุกวันนี้ นักสะสม นักเล่น นักขับขี่ ผู้ที่ชื่นชอบรถเครื่องรุ่นเก้าในกลิ่นไปของน้ำมันทูที ก็ยังคงควานหามาครอบครอง ทั้ง DT และทุกสายพันธุ์ที่กล่าวมาข้างต้นครับ ว่างๆจะเสาะหาแหล่งสะสมแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังครับ ...กราบสวัสดีมายังทุกท่านครับ




