การจลาจลในสหรัฐกับทิศทางนโยบายการเงินไทย
Update: 2020-06-04
Description
การประท้วงในสหรัฐกับนโยบายการเงินไทย
หลังเกิดเหตุเรียกร้องความเสมอภาคทางสังคมในสหรัฐจนบานปลายไปสู่เหตุจลาจลในหลายเมือง เศรษฐกิจสหรัฐก็มีแนวโน้มดำดิ่งลงหนักขึ้นกว่าเพียงกรณีไวรัสโควิด-19ระบาด มองต่อไป การประท้วงในสหรัฐจะมีผลอะไรกับไทยบ้าง
การส่งออกไทยหดตัวแรง ชั่วคราว - จากเดิมที่เราคาดว่าการส่งออกช่วงไตรมาสสองลากยาวตลอดทั้งปีมีโอกาสติดลบถึง 20% ก็มีโอกาสหดตัวหนักขึ้นจากอุปสงค์ที่ชะลอลงอีกในสหรัฐ แต่ความไม่สงบจากเหตุจลาจลนี้น่าจะชั่วคราว สุดท้ายก็จะสงบได้ เพียงแต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นที่ลดลงอาจกระทบความต้องการสินค้าในช่วงระยะ 1-3 เดือนนี้หนักเพิ่มขึ้นไปจากกรณีไวรัสระบาดเพียงอย่างเดียว
แต่เงินบาทแข็งค่า ไม่ชั่วคราว - จากการจลาจลในสหรัฐที่ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวหนักขึ้น สิ่งที่เฟดอาจทำต่อคือ การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มอีกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และอาจเตรียมลดดอกเบี้ยต่ำ 0% หรือดอกเบี้ยติดลบ เพื่อให้เงินออกจากภาคธนาคารเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสภาพคล่องที่ล้นในรูปดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า เพราะสุดท้ายดอกเบี้ยไทยก็ลงได้อีกไม่มากและไม่น่าติดลบได้ แถมเราไม่ได้ทำQEเหมือนสหรัฐ ด้านปัจจัยพื้นฐาน ไทยเองก็เกินดุลบัญชีเดินสะพัด แม้ส่งออกหดตัว แต่นำเข้าลงแรงกว่าด้วยจากราคาน้ำมันและการนำเข้าเครื่องจักรที่ลดลงตามการลงทุน
ผมมองการรับมือเศรษฐกิจไทยในอนาคตอันใกล้อยู่ 3 ประเด็น ซึ่งหากรอช้า เศรษฐกิจไทยอาจลงดิ่งกว่าที่เราคาดได้
1. แก้บาทแข็ง สร้างดีมานด์ดอลลาร์เทียม - เราหนีไม่พ้นที่ตามปัจจัยพื้นฐานแล้วบาทจะแข็งตามการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่หากมีเงินไหลเข้าจากส่วนต่างดอกเบี้ยหรือการเก็งกำไร เราก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อบาทแข็งเพราะมีคนอยากซื้อมากกว่าคนอยากขาย มีทางหรือไม่ที่เราจะสร้างดีมานด์เทียมให้ดอลลาร์สหรัฐ เช่นการที่มีกองทุนหนึ่งซื้อดอลลาร์สหรัฐจากธปท.ไปลงทุนต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงไปลงทุนซื้อพันธบัตรหรือหุ้น แต่ไปซื้อเทคโนโลยีหรือธุรกิจที่มีอนาคต ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และได้เงินปันผลจากกิจการเหล่านี้นเป็นรายได้ในระยะยาว หลายประเทศก็ทำกันหรือในรูปแบบต่างกัน เช่น กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย
2. ลดดอกเบี้ยกองทุนฟื้นฟู (เหลือ 0.01%) - หากเศรษฐกิจชะลอหนักกว่านี้จนกนง.อาจต้องทบทวนการลดดอกเบี้ยอีก ทางธปท.อาจใช้การลดดอกเบี้ย FIDF ลงจนเกือบหมด (ทำไมไม่เหลือ0ไปเลยนะหรือครับ สงสัยเดี๋ยวหาว่าจะไม่ใช้หนี้เก่า) ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง เพิ่มสภาพคล่องธุรกิจและลดภาระผู้กู้ได้อย่างรวดเร็ว
3. เร่งประสานคลังเตรียมตั้ง Good Bank Bad Bank รับมือ NPL ที่จะทะลักท่วมหลังหมดมาตรการพักชำระหนี้ - หลายคนอาจไม่ได้พูดถึงระเบิดเวลาลูกใหญ่ในระบบการเงินไทย นั่นคือการพักชำระหนี้ ซึ่งทางธปท.ได้ให้ธนาคารพาณิชย์พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับลูกค้า (ดอกเบี้ยยังคงคำนวนอยู่) แต่มาตรการนี้จะหมดเวลาในอีกราว 3-4 เดือน แล้วเมื่อให้ครัวเรือนและธุรกิจกลับมาจ่ายหนี้ได้อีกครั้ง เขาจะมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ หากเศรษฐกิจไทยยังแย่อยู่ หรือระบบเศรษฐกิจยังเปิดไม่หมด โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ยากจะฟื้นได้ภายในปีนี้ แล้วหากเกิดหนี้เสีย เป็น NPL เข้าระบบ ทางธนาคารจะต้องกันหนี้ไปตั้งสำรอง เงินที่เหลือจะปล่อยกู้เข้าระบบจะลดลง ต่อให้ธุรกิจดีๆ หรือคนมีเครดิดดีๆ จะขอกู้ ก็อาจจะกู้ยาก เพราะเงินมีน้อย ไม่ต้องพูดถึงกรณีคนฝากอาจไม่มั่นใจแห่ถอนเงินอีก อันนี้ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นๆ หรือไกลตัวนะครับ ทางธปท. อาจทำได้คือขยายเวลาพักหนี้ไปเป็นปี ร่วมกับการที่ธนาคารปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า เช่นยืดเวลา ลดเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน หรือถ้าจะปรับตัวครั้งใหญ่ ก็หาทางเตรียมตั้ง Bad Bank รับหนี้เสียไปบริหารเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินไปปล่อยกู้ได้
โดยสรุป การประท้วงในสหรัฐเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่หนักเพิ่มขึ้นจากกรณีโควิด-19ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย แต่กลไกทางการเงินที่จะเดินต่อไปข้างหน้านั้นซับซ้อนนัก เพราะหากไม่เดินเลย อยู่เฉยๆ ก็อาจโดนกระทบหนักจากค่าเงินที่แข็งค่า ดอกเบี้ยสูง และหนี้เสียท่วม แต่หากเดินเกมรุก ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยเพราะทุกก้าวล้วนมีความเสี่ยงจากการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือหรือหนี้สาธารณะในอนาคตที่จะเพิ่มสูง แต่เราคงเหลือเวลาคิดอีกไม่นานครับ
หลังเกิดเหตุเรียกร้องความเสมอภาคทางสังคมในสหรัฐจนบานปลายไปสู่เหตุจลาจลในหลายเมือง เศรษฐกิจสหรัฐก็มีแนวโน้มดำดิ่งลงหนักขึ้นกว่าเพียงกรณีไวรัสโควิด-19ระบาด มองต่อไป การประท้วงในสหรัฐจะมีผลอะไรกับไทยบ้าง
การส่งออกไทยหดตัวแรง ชั่วคราว - จากเดิมที่เราคาดว่าการส่งออกช่วงไตรมาสสองลากยาวตลอดทั้งปีมีโอกาสติดลบถึง 20% ก็มีโอกาสหดตัวหนักขึ้นจากอุปสงค์ที่ชะลอลงอีกในสหรัฐ แต่ความไม่สงบจากเหตุจลาจลนี้น่าจะชั่วคราว สุดท้ายก็จะสงบได้ เพียงแต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นที่ลดลงอาจกระทบความต้องการสินค้าในช่วงระยะ 1-3 เดือนนี้หนักเพิ่มขึ้นไปจากกรณีไวรัสระบาดเพียงอย่างเดียว
แต่เงินบาทแข็งค่า ไม่ชั่วคราว - จากการจลาจลในสหรัฐที่ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวหนักขึ้น สิ่งที่เฟดอาจทำต่อคือ การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มอีกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และอาจเตรียมลดดอกเบี้ยต่ำ 0% หรือดอกเบี้ยติดลบ เพื่อให้เงินออกจากภาคธนาคารเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสภาพคล่องที่ล้นในรูปดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า เพราะสุดท้ายดอกเบี้ยไทยก็ลงได้อีกไม่มากและไม่น่าติดลบได้ แถมเราไม่ได้ทำQEเหมือนสหรัฐ ด้านปัจจัยพื้นฐาน ไทยเองก็เกินดุลบัญชีเดินสะพัด แม้ส่งออกหดตัว แต่นำเข้าลงแรงกว่าด้วยจากราคาน้ำมันและการนำเข้าเครื่องจักรที่ลดลงตามการลงทุน
ผมมองการรับมือเศรษฐกิจไทยในอนาคตอันใกล้อยู่ 3 ประเด็น ซึ่งหากรอช้า เศรษฐกิจไทยอาจลงดิ่งกว่าที่เราคาดได้
1. แก้บาทแข็ง สร้างดีมานด์ดอลลาร์เทียม - เราหนีไม่พ้นที่ตามปัจจัยพื้นฐานแล้วบาทจะแข็งตามการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่หากมีเงินไหลเข้าจากส่วนต่างดอกเบี้ยหรือการเก็งกำไร เราก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อบาทแข็งเพราะมีคนอยากซื้อมากกว่าคนอยากขาย มีทางหรือไม่ที่เราจะสร้างดีมานด์เทียมให้ดอลลาร์สหรัฐ เช่นการที่มีกองทุนหนึ่งซื้อดอลลาร์สหรัฐจากธปท.ไปลงทุนต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงไปลงทุนซื้อพันธบัตรหรือหุ้น แต่ไปซื้อเทคโนโลยีหรือธุรกิจที่มีอนาคต ไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และได้เงินปันผลจากกิจการเหล่านี้นเป็นรายได้ในระยะยาว หลายประเทศก็ทำกันหรือในรูปแบบต่างกัน เช่น กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย
2. ลดดอกเบี้ยกองทุนฟื้นฟู (เหลือ 0.01%) - หากเศรษฐกิจชะลอหนักกว่านี้จนกนง.อาจต้องทบทวนการลดดอกเบี้ยอีก ทางธปท.อาจใช้การลดดอกเบี้ย FIDF ลงจนเกือบหมด (ทำไมไม่เหลือ0ไปเลยนะหรือครับ สงสัยเดี๋ยวหาว่าจะไม่ใช้หนี้เก่า) ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง เพิ่มสภาพคล่องธุรกิจและลดภาระผู้กู้ได้อย่างรวดเร็ว
3. เร่งประสานคลังเตรียมตั้ง Good Bank Bad Bank รับมือ NPL ที่จะทะลักท่วมหลังหมดมาตรการพักชำระหนี้ - หลายคนอาจไม่ได้พูดถึงระเบิดเวลาลูกใหญ่ในระบบการเงินไทย นั่นคือการพักชำระหนี้ ซึ่งทางธปท.ได้ให้ธนาคารพาณิชย์พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับลูกค้า (ดอกเบี้ยยังคงคำนวนอยู่) แต่มาตรการนี้จะหมดเวลาในอีกราว 3-4 เดือน แล้วเมื่อให้ครัวเรือนและธุรกิจกลับมาจ่ายหนี้ได้อีกครั้ง เขาจะมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ หากเศรษฐกิจไทยยังแย่อยู่ หรือระบบเศรษฐกิจยังเปิดไม่หมด โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ยากจะฟื้นได้ภายในปีนี้ แล้วหากเกิดหนี้เสีย เป็น NPL เข้าระบบ ทางธนาคารจะต้องกันหนี้ไปตั้งสำรอง เงินที่เหลือจะปล่อยกู้เข้าระบบจะลดลง ต่อให้ธุรกิจดีๆ หรือคนมีเครดิดดีๆ จะขอกู้ ก็อาจจะกู้ยาก เพราะเงินมีน้อย ไม่ต้องพูดถึงกรณีคนฝากอาจไม่มั่นใจแห่ถอนเงินอีก อันนี้ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นๆ หรือไกลตัวนะครับ ทางธปท. อาจทำได้คือขยายเวลาพักหนี้ไปเป็นปี ร่วมกับการที่ธนาคารปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า เช่นยืดเวลา ลดเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน หรือถ้าจะปรับตัวครั้งใหญ่ ก็หาทางเตรียมตั้ง Bad Bank รับหนี้เสียไปบริหารเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินไปปล่อยกู้ได้
โดยสรุป การประท้วงในสหรัฐเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่หนักเพิ่มขึ้นจากกรณีโควิด-19ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย แต่กลไกทางการเงินที่จะเดินต่อไปข้างหน้านั้นซับซ้อนนัก เพราะหากไม่เดินเลย อยู่เฉยๆ ก็อาจโดนกระทบหนักจากค่าเงินที่แข็งค่า ดอกเบี้ยสูง และหนี้เสียท่วม แต่หากเดินเกมรุก ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยเพราะทุกก้าวล้วนมีความเสี่ยงจากการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือหรือหนี้สาธารณะในอนาคตที่จะเพิ่มสูง แต่เราคงเหลือเวลาคิดอีกไม่นานครับ
Comments
In Channel