สรุปข่าวการค้าวันที่ 17-23 ก.พ. 63 โดยก้าวทันการค้าโลกกับนำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า ตอนที่ 2
Update: 2020-02-22
Description
สัปดาห์นี้เรามาติดตามข่าวการค้า รอบโลกกันอีกเช่นเคย เริ่มกันที่
จีน
1) เริ่มที่สถานการณ์ Covid-19 ในจีน ท่านประธานสี บอกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ ยังไม่ถึงจุดสูงสุด โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดวานนี้อยู่ที่ 78,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 คนแล้ว
2) มีประเด็นที่น่ากังวลคือ มีรายงานจาก South China Morning Post ว่า ผู้ที่ติดเชื้อ รักษาจนอาการหายแล้ว มีโอกาสที่จะยังเป็นพาหะนำโรคได้อีก ไวรัสไม่ได้หายไปไหนยังอยู่ในตัวผู้ป่วย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของจีนยังไม่ยืนยันข่าวนี้
3) ข่าวด้านการค้าที่น่าสนใจ คือ จีน สั่งซื้อหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จากประเทศเดนมาร์ก โดยหุ่นยนต์นี้จะใช้ลำแสงอัลตร้าไวโอเลต ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส ตายเรียบ ปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์แบบนี้กว่า 40 ประเทศทั่วโลก
4) ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า “ผู้หญิงไม่เคยหยุดสวย” แต่ต้องบอกว่า Covid-19 ก็ทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนความคิดเหมือนกัน โดยผลการสำรวจสุภาพสตรีจีน 1,000 คน ใน 29 มณฑล พบว่า 40% ไม่สนใจซื้อเครื่องสำอางช่วงนี้ และเครื่องสำอางกลุ่มที่ผู้บริโภคหยุดใช้ช่วงนี้ก็พวก ครีมกันแดด, มาสคาร่าปัดขนตา และ อายไลเนอร์ เป็นต้น เนื่องจากอยู่แต่ในบ้าน ไม่จำเป็นเท่าไหร่ ส่วนสิ่งที่ยังขาดไม่ได้ ก็คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า ครีม และเซรั่มบำรุงผิวหน้า
สหรัฐ
1) Covid-19 ก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวสหรัฐเช่นกัน โดยสหรัฐฯ มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.8% ของ GDP โดยนักท่องเที่ยว 3 ลำดับแรกก็คือ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และก็จีน โดยช่วง 10 เดือนแรกของปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจีน เยือนสหรัฐ 2.5 ล้านคน โดยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 6,500 เหรียญสหรัฐต่อคน หรือประมาณ 200,000 บาท ซึ่งถือว่า คนจีนใช้จ่ายสูงสุดเทียบกับชาติอื่นๆ
โดยมีการประมาณการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีน จะลดลง ประมาณ 28% และสหรัฐจะสูญเงินกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบกันไป ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และสถานที่ท่องเที่ยว
2) สถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็เริ่มเข้มข้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการดีเบต เพื่อชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะไปแข่งกับทรัมป์ โดยกลับกลายเป็นว่า ไมเคิล บลูมเบิร์ก ถูกถล่มเละในการดีเบต โดย อลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากแมสซาชูเซตส์ กล่าวโจมตีว่า “เรากำลังแข่งกับมหาเศรษฐีที่เรียกผู้หญิงว่ายัยอ้วนและเลสเบียนหน้าม้า” “และฉันไม่ได้พูดถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ฉันพูดถึงนายกเทศมนตรีบลูมเบิร์ก” “เดโมแครตจะตกอยู่ในความเสี่ยงหากเราแค่เลือกมหาเศรษฐีทะนงตนคนหนึ่งไปแทนที่อีกคนนึ่ง”
ก็ต้องติตตามว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เพราะนโยบายของท่านผู้นำสหรัฐฯ นี่กระทบทั้งโลกจริงๆฃ
3) ทางสำนกงานการค้าต่างประเทศเมือง ชิคาโก ออกรานงานที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มการค้าทาง e-commerce ในสหรัฐฯ โดยปัจจุบันการค้าอีคอมเมิร์สข้ามพรมแดน หรือ Cross Border e-commerce มีสัดส่วนสูงถึง 20% ของการค้าโลก ซึ่งผู้ประกอบการต้องศึกษาเอาไว้
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาด e-commerce ในสหรัฐฯ กว่า 47% เป็นของ Amazon (อ่านว่า แอ-มะ-ซอน) ตามมาห่างๆ ด้วย e-bay ที่ 6.1%, Walmart 4.6%, Apple 3.8% และ Home Depot (คล้ายๆ Homepro) 1.7%
อาเซียน
1) ข่าวดีของเวียดนาม แต่อาจเป็นข่าวร้ายของไทย โดย FTA อียู-เวียดนาม ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2563 ทำให้อัตราภาษีนำเข้าที่อียูจะเรียกเก็บจากเวียดนามโดยส่วนใหญ่จะลดลงเป็น 0% ขณะที่สินค้าไทยที่ถูกอียูตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี)มาหลายปีแล้ว ต้องเสียภาษีนำเข้าอียูในอัตราสูง
ตัวอย่างเช่น สิ่งทอเครื่องนุ่งห่มจากเวียดนาม ไปอียู ภาษีนำเข้าจะลดลงเป็น 0% ขณะที่สินค้าเครื่องนุ่งห่มที่ผลิตในประเทศไทยและส่งออกไปตลาดอียูต้องเสียภาษีนำเข้าเฉลี่ยที่ 12.5% ทำให้ยิ่งเสียเปรียบในการแข่งขัน
แนวทางผู้ประกอบการไทย คงต้องมองเรื่องจ้างเวียดนามผลิตสินค้าบางส่วน โดยคงเหลือไว้แต่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ตัดเย็บยากกว่า ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนส่งออกเครื่องนุ่งห่มของไทยสัดส่วนกว่า 50% เป็นชุดเสื้อผ้ากีฬาของแบรนด์เนมดัง ๆ ที่เหลือเป็นชุดชั้นในชายและสตรี ชุดเสื้อผ้าเด็ก ชุดนอน
2) สิงคโปร์ปรับ GDP ในปี 2563 ลงมาที่ -0.5% ถึง 1.5% เนื่องจากการระบาดไวรัส COVID-19 พร้อมกับจัดงบประมาณเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการณ์ทุกภาคส่วน และเลื่อนเวลาปรับขึ้นอัตราภาษี Goods and Services Tax (GST) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 9 ออกไป โดยจะยังไม่มีผลบังคับใช้ในปี 2564
ก็เป็นสรุป การค้าโลกไปกับนำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า ประจำสัปดาห์นี้นะครับ
เพื่อนๆ ท่านไหนมีข้อติชม แนะนำ หรือไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆ แบบนี้ ก็แอด Line มาได้เลยที่ Line@Zupports
www.zupports.co
จีน
1) เริ่มที่สถานการณ์ Covid-19 ในจีน ท่านประธานสี บอกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ ยังไม่ถึงจุดสูงสุด โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดวานนี้อยู่ที่ 78,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 คนแล้ว
2) มีประเด็นที่น่ากังวลคือ มีรายงานจาก South China Morning Post ว่า ผู้ที่ติดเชื้อ รักษาจนอาการหายแล้ว มีโอกาสที่จะยังเป็นพาหะนำโรคได้อีก ไวรัสไม่ได้หายไปไหนยังอยู่ในตัวผู้ป่วย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของจีนยังไม่ยืนยันข่าวนี้
3) ข่าวด้านการค้าที่น่าสนใจ คือ จีน สั่งซื้อหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จากประเทศเดนมาร์ก โดยหุ่นยนต์นี้จะใช้ลำแสงอัลตร้าไวโอเลต ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส ตายเรียบ ปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์แบบนี้กว่า 40 ประเทศทั่วโลก
4) ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า “ผู้หญิงไม่เคยหยุดสวย” แต่ต้องบอกว่า Covid-19 ก็ทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนความคิดเหมือนกัน โดยผลการสำรวจสุภาพสตรีจีน 1,000 คน ใน 29 มณฑล พบว่า 40% ไม่สนใจซื้อเครื่องสำอางช่วงนี้ และเครื่องสำอางกลุ่มที่ผู้บริโภคหยุดใช้ช่วงนี้ก็พวก ครีมกันแดด, มาสคาร่าปัดขนตา และ อายไลเนอร์ เป็นต้น เนื่องจากอยู่แต่ในบ้าน ไม่จำเป็นเท่าไหร่ ส่วนสิ่งที่ยังขาดไม่ได้ ก็คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า ครีม และเซรั่มบำรุงผิวหน้า
สหรัฐ
1) Covid-19 ก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวสหรัฐเช่นกัน โดยสหรัฐฯ มีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.8% ของ GDP โดยนักท่องเที่ยว 3 ลำดับแรกก็คือ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และก็จีน โดยช่วง 10 เดือนแรกของปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวจีน เยือนสหรัฐ 2.5 ล้านคน โดยมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 6,500 เหรียญสหรัฐต่อคน หรือประมาณ 200,000 บาท ซึ่งถือว่า คนจีนใช้จ่ายสูงสุดเทียบกับชาติอื่นๆ
โดยมีการประมาณการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีน จะลดลง ประมาณ 28% และสหรัฐจะสูญเงินกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ธุรกิจท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบกันไป ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และสถานที่ท่องเที่ยว
2) สถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็เริ่มเข้มข้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีการดีเบต เพื่อชิงตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะไปแข่งกับทรัมป์ โดยกลับกลายเป็นว่า ไมเคิล บลูมเบิร์ก ถูกถล่มเละในการดีเบต โดย อลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากแมสซาชูเซตส์ กล่าวโจมตีว่า “เรากำลังแข่งกับมหาเศรษฐีที่เรียกผู้หญิงว่ายัยอ้วนและเลสเบียนหน้าม้า” “และฉันไม่ได้พูดถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ฉันพูดถึงนายกเทศมนตรีบลูมเบิร์ก” “เดโมแครตจะตกอยู่ในความเสี่ยงหากเราแค่เลือกมหาเศรษฐีทะนงตนคนหนึ่งไปแทนที่อีกคนนึ่ง”
ก็ต้องติตตามว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เพราะนโยบายของท่านผู้นำสหรัฐฯ นี่กระทบทั้งโลกจริงๆฃ
3) ทางสำนกงานการค้าต่างประเทศเมือง ชิคาโก ออกรานงานที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวโน้มการค้าทาง e-commerce ในสหรัฐฯ โดยปัจจุบันการค้าอีคอมเมิร์สข้ามพรมแดน หรือ Cross Border e-commerce มีสัดส่วนสูงถึง 20% ของการค้าโลก ซึ่งผู้ประกอบการต้องศึกษาเอาไว้
ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาด e-commerce ในสหรัฐฯ กว่า 47% เป็นของ Amazon (อ่านว่า แอ-มะ-ซอน) ตามมาห่างๆ ด้วย e-bay ที่ 6.1%, Walmart 4.6%, Apple 3.8% และ Home Depot (คล้ายๆ Homepro) 1.7%
อาเซียน
1) ข่าวดีของเวียดนาม แต่อาจเป็นข่าวร้ายของไทย โดย FTA อียู-เวียดนาม ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคม 2563 ทำให้อัตราภาษีนำเข้าที่อียูจะเรียกเก็บจากเวียดนามโดยส่วนใหญ่จะลดลงเป็น 0% ขณะที่สินค้าไทยที่ถูกอียูตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี)มาหลายปีแล้ว ต้องเสียภาษีนำเข้าอียูในอัตราสูง
ตัวอย่างเช่น สิ่งทอเครื่องนุ่งห่มจากเวียดนาม ไปอียู ภาษีนำเข้าจะลดลงเป็น 0% ขณะที่สินค้าเครื่องนุ่งห่มที่ผลิตในประเทศไทยและส่งออกไปตลาดอียูต้องเสียภาษีนำเข้าเฉลี่ยที่ 12.5% ทำให้ยิ่งเสียเปรียบในการแข่งขัน
แนวทางผู้ประกอบการไทย คงต้องมองเรื่องจ้างเวียดนามผลิตสินค้าบางส่วน โดยคงเหลือไว้แต่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม ตัดเย็บยากกว่า ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนส่งออกเครื่องนุ่งห่มของไทยสัดส่วนกว่า 50% เป็นชุดเสื้อผ้ากีฬาของแบรนด์เนมดัง ๆ ที่เหลือเป็นชุดชั้นในชายและสตรี ชุดเสื้อผ้าเด็ก ชุดนอน
2) สิงคโปร์ปรับ GDP ในปี 2563 ลงมาที่ -0.5% ถึง 1.5% เนื่องจากการระบาดไวรัส COVID-19 พร้อมกับจัดงบประมาณเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการณ์ทุกภาคส่วน และเลื่อนเวลาปรับขึ้นอัตราภาษี Goods and Services Tax (GST) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 9 ออกไป โดยจะยังไม่มีผลบังคับใช้ในปี 2564
ก็เป็นสรุป การค้าโลกไปกับนำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า ประจำสัปดาห์นี้นะครับ
เพื่อนๆ ท่านไหนมีข้อติชม แนะนำ หรือไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆ แบบนี้ ก็แอด Line มาได้เลยที่ Line@Zupports
www.zupports.co
Comments
In Channel