Discoverนิทานชาดกอนุสาสิกชาดก ชาดกว่าด้วย ดีแต่พูด
อนุสาสิกชาดก ชาดกว่าด้วย ดีแต่พูด

อนุสาสิกชาดก ชาดกว่าด้วย ดีแต่พูด

Update: 2025-07-091
Share

Description

เรื่องเริ่มต้นขึ้นในสมัยพุทธกาล ณ พระเชตวันมหาวิหาร ในนครสาวัตถี มีภิกษุณีรูปหนึ่งมีนิสัยชอบสั่งสอนและห้ามภิกษุณีรูปอื่นๆ ไม่ให้เข้าไปในที่หวงห้าม แต่ตนเองกลับละเมิดเข้าไปในที่เหล่านั้นเสียเอง. ภิกษุณีรูปนี้ไม่ได้ใส่ใจในสมณธรรม แต่กลับติดใจในลาภ จึงมักจะออกไปบิณฑบาตในพื้นที่เฉพาะที่ภิกษุณีรูปอื่นไม่ไป เพื่อจะได้อาหารอันประณีตโดยไม่ต้องแบ่งใคร. ด้วยความโลภ นางกลัวว่าภิกษุณีรูปอื่นจะล่วงรู้แหล่งบิณฑบาตดีๆ นี้ จึงไปหลอกภิกษุณีเหล่านั้นว่าบริเวณดังกล่าวมีอันตรายรอบด้าน เช่น มีช้างดุ ม้าดุ หรือสุนัขดุ. บรรดาภิกษุณีรูปอื่นๆ ต่างหลงเชื่อคำของนางอย่างสนิทใจและไม่มีใครกล้าออกไปบิณฑบาตในบริเวณนั้นเลย.

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ภิกษุณีผู้ชอบสั่งสอนกำลังออกบิณฑบาตในบริเวณที่ตนหลอกว่าอันตรายนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันเกิดขึ้น แพะดุตัวหนึ่งได้พุ่งเข้าชนที่หน้าแข้งของเธออย่างจัง ทำให้กระดูกขาของนางหักเป็นสองท่อนทันที. นางนอนทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ชาวบ้านในละแวกนั้นได้เข้าช่วยเหลือและหามนางกลับไปส่งยังสำนักภิกษุณี. เมื่อเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงภิกษุณีรูปอื่นๆ พวกเธอก็พากันหัวเราะเยาะและกล่าวโทษนางว่า "ดีแต่สอนคนอื่น แต่ตนเองกลับไปซะเอง จนถูกแพะชนขาหัก สมน้ำหน้าจริงๆ".

เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับภิกษุณีผู้ถูกแพะชนขาหักนี้เป็นที่กล่าวขวัญในธรรมสภา จนทราบถึงองค์พระศาสดา พระองค์จึงเสด็จมาตรัสถามและได้ตรัสว่า "ดู ก่อน ภิกษุ ทั้ง หลาย มิ ใช่ แต่ ใน บัด นี้ เท่า นั้น แม้ ใน กาล ก่อน ภิกษุณี ผู้ นี้ ก็ เอา แต่ สั่ง สอน ผู้ อื่น แต่ ตน เอง ก็ มิ ได้ ประพฤติ ตาม ต้อง เสวย ทุกข์ ตลอด กาล เป็น นิด เลย ที เดียว". จากนั้นพระองค์ก็ทรงนำเอา "อนุสาสิกชาดก" มาตรัสเล่าแก่ภิกษุทั้งหลาย.

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นนกป่าตัวหนึ่ง เป็นจ่าฝูงนกผู้สง่างาม มีนกบริวารหลายร้อยตัว. นกจ่าฝูงได้สั่งสอนบริวารของตนเสมอว่า "พวกเจ้าจงออกไปหากินในบริเวณป่านี้ อย่าได้บินเข้าไปในป่าดงดิบลึกนะ เพราะในนั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากมายเลยล่ะ". แต่นานวันเข้า ก็มีนางนกจัณฑา (บางที่เรียกว่านกสาลิกา) ตัวหนึ่งไม่เชื่อฟังคำแนะนำของนกจ่าฝูง นางแอบบินเข้าไปในป่าลึกเพียงลำพัง และได้พบกับแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ คือเมล็ดข้าวเปลือกและถั่วที่ตกกระจัดกระจายจากเกวียนบนทางใหญ่. ด้วยความโลภ นางคิดจะปกปิดแหล่งอาหารนี้จากนกตัวอื่นๆ. เมื่อบินกลับไปถึงฝูง นางนกจัณฑาจึงใช้คำหลอกลวงสั่งสอนนกทั้งฝูงว่า "นี่พวกเจ้าทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าทางใหญ่ในดงดิบ เป็นทางที่มีภัยอันตราย มีช้าง ม้า และเกวียนที่เทียมด้วยโคดุๆ ผ่านไปมามากมาย เจ้าอย่าได้เผลอบินเข้าไปเชียว". บรรดานกในฝูงต่างก็หลงเชื่อคำลวงของนาง และพากันเรียกขานนางว่า "แม่อนุสาสิกา" (ผู้สั่งสอน) ตั้งแต่นั้นมา.

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่นางนกจัณฑา อนุสาสิกากำลังจิกกินเมล็ดข้าวเปลือกอยู่บนทางใหญ่ในป่าดงลึกนั้น นางได้ยินเสียงเกวียนแล่นมาด้วยความเร็ว แต่ด้วยความชะล่าใจและคิดว่าเกวียนยังอยู่ไกล นางจึงก้มหน้าก้มตากินต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ทันคิดว่าอันตรายกำลังมาถึงตัว. ทันใดนั้นเอง เกวียนที่แล่นมาด้วยความเร็วก็มาถึงตัวนาง นางมิอาจโผบินขึ้นได้ทัน. ล้อเกวียนได้ทับร่างของนางขาดออกเป็นสองท่อน ตายอย่างน่าอนาถยิ่งนัก.

ผ่านไปหลายวัน นกจ่าฝูง (พระโพธิสัตว์) ได้เรียกประชุมฝูงนก แต่กลับไม่พบนางนกจัณฑา อนุสาสิกา จึงเกิดความเป็นกังวลและให้บรรดานกบริวารช่วยกันค้นหา. ไม่นานนัก ฝูงนกก็พบนางนอนตายอยู่บนทางใหญ่ในป่าดงลึก โดยร่างขาดเป็นสองท่อน. เมื่อได้ยินเช่นนั้น นกจ่าฝูงจึงกล่าวกับนกทั้งฝูงว่า "อนิจจา นกสาริกาตัวใดสั่งสอนนกตัวอื่นอยู่เนืองๆ ตัวเองมีปกติเที่ยวไปด้วยความละโมบ นางนกสาริกาตัวนั้นถูกล้อบดแล้ว มีปีกหักนอนอยู่ดังนี้".

เมื่อองค์สมเด็จพระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาอนุสาสิกชาดกแก่เหล่าภิกษุทั้งหลายแล้ว ก็ทรงประมวลชาดกว่า นางนกจัณฑา อนุสาสิกาในครั้งนั้น ได้มาเกิดเป็นภิกษุณีผู้พร่ำสอนในชาตินี้ ส่วนนกจ่าฝูงเสวยพระชาติเป็นพระตถาคต (พระพุทธเจ้า) นั่นเอง. เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นถึงโทษของการดีแต่สั่งสอนผู้อื่น แต่ตนเองไม่ประพฤติตาม ซึ่งมักนำไปสู่จุดจบที่ไม่ดีในที่สุด.

Comments 
loading
In Channel
loading
00:00
00:00
1.0x

0.5x

0.8x

1.0x

1.25x

1.5x

2.0x

3.0x

Sleep Timer

Off

End of Episode

5 Minutes

10 Minutes

15 Minutes

30 Minutes

45 Minutes

60 Minutes

120 Minutes

อนุสาสิกชาดก ชาดกว่าด้วย ดีแต่พูด

อนุสาสิกชาดก ชาดกว่าด้วย ดีแต่พูด

072