อารามทูสกชาดก ชาดกว่าด้วย ความฉลาดอันไม่เป็นประโยชน์
Description
ณ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองพาราณสี มีเทศกาลประจำปีอันแสนสนุก ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาร่วมงานอย่างล้นหลาม. แต่ในบ้านของเศรษฐีผู้หนึ่ง นายคนสวนกลับต้องนั่งทุกข์ใจอยู่ในสวน. เขาอยากไปเที่ยวงานใจจะขาด แต่ก็เป็นห่วงต้นไม้ที่เพิ่งปลูกใหม่ เนื่องจากเป็นฤดูแล้ง หากเขาไปเที่ยว ต้นไม้ก็จะขาดน้ำตายหมด.
เขาจึงคิดหาทางออกอันชาญฉลาด. ในสวนแห่งนี้ มีฝูงลิงฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ และพวกมันก็กินดอกผลของต้นไม้ในสวนอย่างสุขสบายมาตลอด. นายคนสวนจึงเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าลิง "เพื่อนเอ๋ย อุทยานแห่งนี้เป็นที่อยู่และแหล่งอาหารของพวกท่านมานานแล้วนะ". หัวหน้าลิงตอบอย่างนอบน้อมว่า "ใช่แล้วท่าน พวกเราต้องขอบคุณท่านมากที่คอยดูแลต้นไม้เหล่านี้ให้มีดอกออกผล". นายคนสวนจึงกล่าวต่อไปว่า "บัดนี้ ในเมืองมีงานเทศกาลประจำปี ข้าอยากไปเที่ยวบ้าง แต่ก็เป็นห่วงต้นไม้ใหม่ หากฉันจะฝากให้เพื่อนและพวกพ้องช่วยดูแลรดน้ำต้นไม้ให้จะได้ไหม". หัวหน้าลิงและบริวารรับปากอย่างเต็มใจว่า "ได้สิท่าน ข้ายินดี พวกเราจะเอาใจใส่รดน้ำให้อย่างดีเลยทีเดียว".
เมื่อวางแผนเรียบร้อย นายคนสวนก็นำเครื่องมือรดน้ำจำนวนมากมาวางไว้ให้ฝูงลิง. แล้วเขาก็ออกไปเที่ยวงานในเมืองอย่างสนุกสนาน.
ขณะที่ฝูงลิงกำลังเตรียมตัวรดน้ำนั้น จ่าฝูงลิงก็เกิดความคิดขึ้นมา. มันร้องบอกบริวารว่า "ช้าก่อนพวกเรา อย่าเพิ่งทำ! พวกเจ้าคิดดูดีๆ ถ้าพวกเราไม่รดน้ำอย่างประหยัด มันจะเปลืองน้ำนะ ยิ่งเป็นหน้าแล้งอยู่ด้วย!". ลิงบริวารต่างถามว่า "แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะลูกพี่?". จ่าฝูงอวดอ้างว่าตนเองเฉลียวฉลาดรอบด้าน จึงตอบว่า "มันจะไปยากอะไรเล่า! พวกเจ้าดูข้าสิ อยากรู้ว่าต้นไม้ต้องการน้ำเท่าไหร่ ก็ดูที่รากสิ ถอนต้นไม้ออกมาก่อน ต้นไหนรากยาวก็รดมากหน่อย รากสั้นๆ ก็รดนิดๆ ก็พอ".
ลิงบริวารทั้งหลายต่างเห็นดีเห็นงามในความฉลาดของจ่าฝูง. พวกมันจึงพากันถอนต้นไม้ที่ปลูกใหม่ออกมาดูราก แล้วจึงรดน้ำตามคำแนะนำของจ่าฝูง ทำให้ต้นไม้ส่วนใหญ่เสียหายเป็นอันมาก.
ในขณะนั้นเอง มีบัณฑิตผู้หนึ่งเดินผ่านมาในสวน. เมื่อเห็นการกระทำของฝูงลิง ท่านก็เอ่ยปากถามว่า "ลิงเอ๋ย เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องถอนต้นไม้เหล่านี้ด้วยเล่า?". ฝูงลิงตอบอย่างภูมิใจว่า "พวกเรากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ และนี่คือวิธีประหยัดน้ำของพวกเราอย่างไรล่ะ ท่านไม่รู้เรื่องหรอก".
เมื่อบัณฑิตทราบเรื่องทั้งหมด ท่านจึงอธิบายให้พวกลิงเข้าใจว่า "เจ้าลิงเอ๋ย ความคิดของเจ้าที่จะประหยัดน้ำนั้นถูกต้องแล้ว. แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องถอนต้นไม้ขึ้นมาดูรากหรอก เพียงแค่ดูขนาดของต้นไม้ก็พอ ต้นเล็กก็รดน้ำน้อยหน่อย ต้นใหญ่ก็รดให้มากหน่อย".
แต่ฝูงลิงกลับไม่ยอมฟัง. พวกมันอวดดีว่า "ท่านไม่ต้องมาพูดหรอก พวกเราอยู่กับต้นไม้มาตั้งแต่เกิด ย่อมเข้าใจดีกว่าท่าน!". แล้วพวกมันก็พากันรดน้ำต้นไม้ตามวิธีของตนต่อไป. บัณฑิตมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะอธิบายต่อ จึงเดินออกจากสวนด้วยความเศร้าใจ.
เมื่อฝูงลิงทำงานเสร็จ ก็พากันนั่งพักผ่อนชมผลงานด้วยความภาคภูมิใจ. แต่เมื่อนายคนสวนกลับจากเที่ยวในเมืองมาถึง เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าสวนของตนเละเทะ ต้นไม้ล้มตายเสียหาย. เขาโกรธมาก ตะโกนไล่ฝูงลิงออกจากสวนไปว่า "พวกเจ้าทำอะไรกับสวนของข้า! ไปเลย ไปอยู่ที่อื่นเลย! อุตส่าห์ไว้ใจ แต่กลับทำสวนเสียหายหมด!".
และแล้ว ฝูงลิงผู้ที่อวดฉลาด ไม่ยอมเชื่อฟังคำตักเตือนของบัณฑิต ก็ต้องได้รับบทลงโทษ ถูกไล่ออกจากสวน ต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ในป่า หาอาหารกินไม่สะดวกเหมือนเคย.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความฉลาดที่ขาดปัญญาและไม่รับฟังคำแนะนำจากผู้รู้ ย่อมนำมาซึ่งความหายนะ. ในกาลต่อมา ฝูงลิงที่อวดฉลาดนี้ได้มาเกิดเป็นเด็กชาวบ้านที่ทำลายสวนของเศรษฐีในสมัยพุทธกาล และบัณฑิตผู้ที่พยายามตักเตือนลิงนั้น ก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั่นเอง.